พิษณุโลก - สบอ.11 เดินหน้าเชือดโฉนดครุฑเขียวเจ้าปัญหา โผล่กลางป่าลุ่มน้ำก้อ-น้ำชุน ชงเรื่องถึงกรมอุทยานฯ บี้กรมที่ดินเพิกถอนต่อ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 11 ชี้ชัด 2 ขรก.ที่ดิน-ศาล เอี่ยวจนออกโฉนดกลางป่าได้
วันนี้ (27 มี.ค.) นายกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 เปิดเผยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานลงพื้นที่บริเวณบ้านโนนผักเน่า หมู่ 11 และบ้านวังหว้าวังรู หมู่ที่ 12 ต.หินฮาว อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงกรณีที่พบหลักหมุดที่ดินกลางป่าที่ออกโฉนดครุฑเขียวแล้ว 13 แปลง รวมเนื้อที่ 483 ไร่ 3 งาน 9 ตารางวา เจ้าหน้าที่ต่างลงความเห็นว่าเป็นการออกโฉนดโดยไม่ชอบ
นอกจากนี้ยังพบมีข้าราชจากกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงยุติธรรม มีชื่ออยู่ในโฉนด หมายความว่ามีคนของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงไม่แปลกนักว่า ทำไม! ที่ดินสภาพป่ามีความลาดชัน ไม่ผ่านการใช้ประโยชน์มาก่อนจึงออกโฉนดได้ ทั้งๆ ที่ขัดระเบียบของกรมที่ดินและข้อห้ามอย่างชัดเจน
“แน่นอนว่าต้องสั่งให้เพิกถอนโฉนด” นายกมลไชยกล่าว
นายกมลไชยกล่าวอีกว่า แนวทางการแก้ไขปัญหา สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 ซึ่งได้รับนโยบายจากปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ และรักษาการกรมอุทยานฯ ให้ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาทันที สัปดาห์ที่ผ่านมา จ.พิษณุโลกก็มีการตรวจพบหลักเขตที่ดินของกรมที่ดินไปปักในที่สวนรุกขชาติ โดยได้มีการตรวจยึดและจับกุมแล้ว เนื้อที่ประมาณ 60 ไร่
ด้านนายไพรัช มณีงาม ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร สบอ.11 กล่าวว่า ที่ดิน 13 แปลง รวมเนื้อที่ 483 ไร่ 3 งาน 9 ตารางวาดังกล่าวนั้น 10 แปลงที่มีสภาพเป็นป่าเบญจพรรณทั้งหมด ไม่พบร่องรอยการเข้าทำประโยชน์ ส่วนอีก 3 แปลงที่เหลือมีการปลูกต้นสบู่ดำของนายทุนทั้งแปลง
ซึ่งล่าสุดสำนักสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 ได้ทำหนังสือ และบันทึกเรื่องราวส่งหลักฐานเข้าตรวจสอบไปให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการแปลภาพถ่ายในปี 49 ที่มีการเดินสำรวจออกโฉนดพิสูจน์ว่ามีการทำกิน ครอบครองอย่างไร
โดยเฉพาะที่ดิน 3 แปลงที่มีการปลูกต้นสบู่ดำ หากพบว่ามีการแผ้วถางใหม่จะต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ช่วงนี้ยังไม่ได้ส่งเรื่องให้ตำรวจดำเนินคดี เพราะต้องรอพิสูจน์ภาพถ่ายทางอากาศก่อน จากนั้นทางกรมอุทยานแห่งชาติฯ จะเป็นผู้ทำหนังสือไปยังกรมที่ดินให้สั่งเพิกถอนโฉนดเพราะออกโฉนดโดยมิชอบต่อไป
