ศปทส.ตร.บุกจับตัดไม้ในวัดขายนายทุน เล็งเอาผิดไม่เว้นแม้พระสงฆ์

ร้อยเอ็ด - ตร.บุกจับมอดไม้ซื้อไม้พะยูงในที่ดินของวัด แต่ตัดนอกพื้นที่ในที่ดินสาธารณะอีก 3 ต้น โดนจับยังขู่เส้นใหญ่ พอเอาจริงไหวตัวหนีเหลือ 2 คน ยึดของกลางเพียบเป็นรถ 2 คัน เลื่อยยนต์ 5 เครื่อง และรถอีก 1 คัน

เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (21 มี.ค.) พ.ต.ท.วีรชีพ ช.ชมเมือง หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 2 ศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ศปทส.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท.ณัฐวัฒน์ ด้วงพูลอนันท์ ร.ต.ต.พนม เนียมทอง ร.ต.ต.สมจิตร อินทร์โท่โล่ พร้อมนายสมบัติ สิทธิสถาพรกุล นายอำเภอจตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด นำกำลังเข้าตรวจสอบภายในวัดศรีสว่างมงคล บ้านโนนสำราญ หมู่ 7 ต.ลิ้นฟ้า อ.จตุรพักตรพิมาน หลังรับแจ้งว่ามีการตัดไม้พะยูงภายอยู่ในวัด

เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบชายกว่า 20 คน กำลังพากันเลื่อยแปรรูปไม้พะยูง เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่จึงทิ้งเลื่อยยนต์วิ่งหนีเอาตัวรอด เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัว นายคำมูล วิปราชญ์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ 9 บ้านหนองหัวเรือ ต.หัวเรือ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม และนายไสว เสตสิทธิ์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 11 บ้านหนองแก ตำบลเดียวกันไว้ได้ พร้อมรถกระบะอีซูซุ 2500 ดีไอ ตอนเดียว สีแดง ทะเบียน บย 6928 ร้อยเอ็ด รถกระบะอีซูซุ ทีเอฟอาร์ สีน้ำเงิน ตอนเดียว ทะเบียน บบ 714 มหาสารคาม ซึ่งทั้ง 2 คนให้การว่า ป็นเพียงผู้รับจ้างขนเครื่องเลื่อยยนต์มาให้ตัดไม้เท่านั้น เรื่องอื่นไม่ทราบ

ตรวจสอบบริเวณวัดพบต้นพะยูงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 เซนติเมตร สูงประมาณ 15 เมตร ซึ่งอยู่ภายในเขตวัดถูกโค่นลงมา และตัดเป็นท่อนแล้ว ที่ข้างวัดด้านทิศเหนือพบต้นพะยูง 3 ต้น ขนาดเส้นผ้าศูนย์กลางตั้งแต่ 50-80 เซนติเมตร อายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี สูงต้นละประมาณ 15 เมตร ถูกโค่นลงมาและตัดเป็นท่อนรวม 34 ท่อน ถ้านำไปขายไดัราคาไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

สอบสวนทราบว่า มีนายทุนจากกรุงเทพฯ มาติดต่อซื้อไม้จากทางวัด 4 ต้น ในราคา 4.8 ล้านบาท ทางวัดจึงได้ทำประชาคมกับชาวบ้าน และเห็นพ้องกันว่าน่าจะขายเพื่อนำเงินไปสร้างศาลาการเปรียญให้แล้วเสร็จ และนายทุนได้จ่ายเงินทั้งหมดไว้แก่ทางวัดแล้ว จึงได้นำคนงานทั้งหมดเข้าทำการตัด

แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ต้นไม้ 1 ต้น อยู่ในรั้ววัด แต่อีก 3 ต้น อยู่นอกเขตที่ดินของวัด และอยู่ในที่สาธารณะดอนปู่ตา ไม่สามารถทำการตัดได้ ซึ่งจะได้ได้ประสานสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ที่ดินอำเภอตรวจสอบแนวเขตที่ พร้อมสืบสวนว่าคนซื้อ คนขาย หรือคนที่เกี่ยวข้องเป็นใคร หากมีพยานหลักฐานพาดพิงจะต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมาย

ตัวแทน ศปทส.กล่าวว่า ขอตรวจสอบหลักฐานการซื้อขายไม้ปรากฏว่าไม่มี มีเพียงภาพถ่ายการจ่ายเงินให้แก่เจ้าอาวาส และจากการตรวจสอบหลักเขตสำรวจของที่ดินของวัด เชื่อได้ว่ามีความผิด เพราะต้นไม้ 3 ต้นอยู่นอกเขตวัด และอยู่ในที่ดินสาธารณะ ซึ่งจะให้ทางป่าไม้ และผู้เกี่ยวข้องมาตรวจสอบพิกัดทางดาวเทียมเพื่อยืนยันความชัดเจนอีกครั้ง เพื่อนำไปประกอบสำนวนการสอบสวนดำเนินคดี ในข้อหาร่วมกันตัดไม้นอกเขตที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ โดยจะดำเนินคดีต่อผู้ซื้อ ผู้ขาย และผู้กี่ยวข้องทุกคน รวมทั้งพระสงฆ์ก็อยู่ในข่ายด้วยในฐานะผู้รับเงินไว้ตามหลักฐาน โดยเบื้องต้นได้ทำการตรวจยึดไม้ รถ เลื่อยยนต์ไว้เป็นของกลาง

นายสมบัติ สิทธิสถาพรกุล นายอำเภอจตุรพักตรพิมาน กล่าวว่า หลังส่งมอบคดีให้แก่พนักงานสอบสวน สภ.จตุรพักตรพิมาน ตนจะตั้งคณะกรรมการเข้าไปสอบสวนร่วมกับทางตำรวจ โดยตนเองเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนตามระเบียบในการควบคุมคดีที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ โดยจะต้องรอเจ้าหน้าที่ป่าไม้หาพยานหลักฐานว่าผิดกฎหมายข้อหาใดบ้าง