กาฬสินธุ์ - ผู้นำชุมชนและชาวบ้านในตำบลเจ้าท่า อำเภอกมลาไสย กาฬสินธุ์ เรียกร้องให้กรมทางหลวงชนบทตั้งผู้นำชุมชนและชาวบ้านเข้าไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบโครงการก่อสร้างปรับปรุงพนังกั้นน้ำลำชี ระยะทางกว่า 37 กิโลเมตร งบประมาณ 251,270,000 บาท หวั่นการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน ไม่แล้วเสร็จทันช่วงหน้าฝน ซึ่งจะทำให้พนังทรุด และเกิดทำให้น้ำท่วมใหญ่
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (19 มี.ค.) ผู้นำชุมชนและชาวบ้านใน ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ กว่า 50 คน นำโดยนายสมจันทร์ เหมนุช ผู้ใหญ่บ้านท่ากลาง หมู่ 8 ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างปรับปรุงพนังกั้นน้ำ ระยะทางกว่า 37 กิโลเมตร งบประมาณ 251,270,000 บาท ซึ่งดำเนินการก่อสร้างโดยสำนักก่อสร้างทาง กรมทางหลวงชนบท ได้ว่าจ้างบริษัท สมบูรณ์สุข จำกัด ก่อสร้างมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2556
โดยชาวบ้านระบุว่าปัจจุบันยังมีความล่าช้าและไม่มีความก้าวหน้ามากเท่าที่ควร ซึ่งเกรงว่าการก่อสร้างจะไม่ได้มาตรฐานไม่แล้วเสร็จทันหน้าฝน และเกรงว่าน้ำจะทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนและไร่นาเหมือนกับปี 2554 พร้อมกับเรียกร้องให้กรมทางหลวงชนบทและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่งตั้งผู้นำชุมชน
หรือชาวบ้านเป็นคณะกรรมการร่วมตรวจสอบการดำเนินงานดังกล่าวจนสิ้นสุดการก่อสร้าง เนื่องจากชาวบ้านเป็นคนในพื้นที่ ซึ่งจะทราบปัญหาดีกว่าและจะทำให้ตรงต่อความต้องการของประชาชน
นายสมจันทร์ เหมนุช ผู้ใหญ่บ้านท่ากลาง หมู่ 8 ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตนและชาวบ้านได้ติดตามการดำเนินงานของผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างปรับปรุงพนังกั้นน้ำ ระยะทางกว่า 37 กิโลเมตร งบประมาณ 251,270,000 บาทมาอย่างต่อเนื่อง เพราะทุกคนเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับโครงการดังกล่าว
แต่จากการตรวจสอบกลับพบว่าการดำเนินงานล่าช้ามาก ระดับความสูงของพนังยังอยู่เท่าเดิม มีเพียงการขยายความกว้างของถนนเท่านั้น ซึ่งชาวบ้านเกรงว่าช่วงหน้าฝนหากระดับพนังยังต่ำอยู่เท่าเดิมก็อาจจะทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำชีไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนและไร่นาได้เช่นเดิม
นายสมจันทร์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังพบว่าบางจุดยังมีการลักไก่ โดยการถมดินไม่เอาเศษไม้ออก บางจุดความสูงของพนังมีความลาดชัน ไม่มีความแข็งแรง ซึ่งอาจจะถูกน้ำกัดเซาะได้ บางจุดผู้รับเหมาทำก้อนดินขนาดใหญ่หล่นไปทับต้นข้าวของชาวบ้านเสียหายอีกด้วย
ดังนั้น ผู้นำชุมชนและชาวบ้านจึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมทางหลวงชนบทและจังหวัดกาฬสินธุ์แต่งตั้งให้ผู้นำชุมชนหรือชาวบ้านเข้าไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ
โดยเฉพาะการตรวจรับงานผ่านหรือไม่ผ่าน เพื่อให้งานที่ออกมาได้มาตรฐานและตรงความต้องการของชาวบ้านที่เป็นคนในพื้นที่ซึ่งทราบปัญหาดี
ด้านนางไสว สุวรรณเสือ อายุ 52 ปี ชาวบ้านท่ากลาง กล่าวว่า อยากให้ผู้รับเหมาดำเนินการก่อสร้างให้ได้มาตรฐาน ให้พนังกั้นน้ำมีความแข็งแรง ให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์สูงสุดและอยู่ได้นานๆ ให้เหมาะสมกับงบประมาณกว่า 251 ล้านบาท ไม่ใช่ทำเสร็จแล้วก็พัง น้ำก็ไหลเข้าท่วมอย่างเดิม
แต่เท่าที่เห็นการก่อสร้างยังไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก ถนนบนพนังยังมีฝุ่นละอองทำให้ชาวบ้านล้มป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจ เป็นโรคภูมิแพ้แล้วหลายราย
โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็ก คนชรา และผู้มีโรคประจำตัว ทั้งนี้ หากเป็นไปได้อยากให้ภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบด้วยเพื่อที่จะตรงความต้องการของชาวบ้าน และให้พนังกั้นน้ำแห่งนี้ได้มาตรฐานสูงสุด