ลำปาง - ชาวแพและเจ้าหน้าที่ชลประทานระดมตัดจอกแหนที่ระบาดหนักในเขื่อนกิ่วลมทิ้ง หวั่นน้ำเน่ากระทบการท่องเที่ยว
วันนี้ (12 มี.ค.) ที่บริเวณสันเขื่อนกิ่วลม จังหวัดลำปาง ผู้ประกอบการชุมชนชาวแพและเจ้าหน้าที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา ได้ระดมกำลังเพื่อตัดจอกแหนที่แพร่กระจายกินพื้นที่กว่า 900 ไร่ ส่งผลกระทบต่อท่าเรือหางยาว และแพท่องเที่ยวไม่สามารถเดินเรือได้ตามปกติ
นายปั๋น มีครัว ผู้ประกอบการเรือและแพท่องเที่ยว และคณะกรรมการชุมชนชาวแพ กิ่วลม เผยว่า ในช่วงเดือนธันวาคม ปีที่ผ่านมาเริ่มมีจอกแหนลอยมาสะสมบริเวณสันเขื่อน และเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างรวดเร็ว
กระทั่งขณะนี้ชาวแพและชาวบ้านที่ใช้เรือบริการนักท่องเที่ยวและเดินทางด้วยเรือจากเขื่อนไปขึ้นท่าที่สันเขื่อนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก คือไม่สามารถเดินเรือและแพเข้าออกท่าได้สะดวกเพราะรากของจอกแหนติดใต้ท้องแพ และใบพัดต้องใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง ทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวทนรอไม่ไหวเดินทางกลับไปกันหมด หากว่าภายในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมมาท่องเที่ยวล่องแพกันจำนวนมาก ยังแก้ไขปัญหาไม่ได้จะส่งผลกระทบหนักต่อผู้ประกอบการอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ เหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว ตั้งแต่เปิดใช้เขื่อนมาเมื่อประมาณปี 2532-2533 เคยเกิดปัญหาผักตบชวาแพร่ระบาดอย่างหนัก ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกเมื่อเกิดปัญหาได้มีการปล่อยน้ำผลักดันออกไปจนสถานการณ์คลี่คลาย และครั้งนี้เป็นครั้งที่สองในรอบ 20 ปี แต่เป็นจอกแหนที่มีความหนาแน่นทำให้การระบายน้ำช่วยไม่ได้ จำเป็นต้องใช้แรงคนและเครื่องจักรเข้ามาทำการตัดและลากขึ้นทิ้งบนฝั่งเท่านั้น
ด้านนายฤทัย พัชรานุรักษ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา เปิดเผยว่า ได้มีการเสนอของบประมาณเร่งด่วนไปยังกรมชลประทานเพื่อจัดหาเรือกำจัดวัชพืชมาช่วยกำจัด เนื่องจากจอกแหนมีจำนวนมาก ทั้งสันเขื่อนและรอบของอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนประมาณ 900 ไร่ คิดเป็น 5% ของพื้นที่เขื่อนทั้งหมด 19,000 ไร่
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสนับสนุนงบประมาณจากส่วนกลางเพื่อที่จะเร่งแก้ไขปัญหานี้แล้วและการแก้ไขเบื้องต้นในวันจันทร์ที่ 17 มีนาคมจะมีการเปิดประตูระบายน้ำเพื่อช่วยผลักดันจอกแหนเหล่านี้ออกไปบางส่วนก่อน