กำแพงเพชร - ตำรวจคลองขลุง ใช้ภาพจากกล้องวงจรปิดตามรวบ 2 หนุ่ม ร่วมปล้นทรัพย์ในปั๊มน้ำมันกลางเมืองได้แล้ว เบื้องต้น 2 ผู้ต้องหาสารภาพหมดเปลือก ยังมีเพื่อนร่วมปฏิบัติการอีก 2 คน อ้างคืนเกิดเหตุร่วมดื่มเหล้าจนเมาได้ที่ เกิดคึกคะนองพากันออกปล้น
วันนี้ (11 มี.ค.) พ.ต.อ.ชัยธวัช ศิริ รอง ผบก.ภ.กำแพงเพชร, พ.ต.อ.ชัยชัช แจ่มจันทร์ ผกก.สภ.คลองขลุง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองขลุง ได้นำตัวนายทรงพล บุญสาร อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 231 หมู่ที่ 9 ต.วังไทร อ.คลองขลุง และนายกิตติชัย พุ่มฉัตร อายุ หมู่ที่ 19 ต.วังไทร อ.คลองขลุง ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ คดีปล้นทรัพย์ภายในปั๊มบางจาก หมู่ที่ 10 ถนนพหลโยธินขาขึ้น ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง
หลังจากผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ร่วมกันก่อเหตุใช้อาวุธปืนปล้นทรัพย์ร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมันเมือ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยมีนางกชกร ปาน อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 172 หมู่ 10 ต.คลองขลุง พนักงานขายประจำร้านสะดวกซื้อ และนางศรีไพร อ่วมมี อายุ 41 ปี บ้านเลขที่ 138/1 ม.3 ต.คลองขลุง พนักงานเติมน้ำมัน เข้าเวรอยู่ ได้เงินไป19,000 บาท และนำโทรศัพท์มือถือของพนักงานร้านสะดวกซื้อไปอีก1 เครื่อง มูลค่า 1,000 บาท หลบหนีไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ติดตามคนร้ายจน ทราบว่า คนร้ายทั้ง 2 ได้หลบหนีไปอยู่บ้านญาติ จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจนสามารถจับกุมตัวทั้งสองได้
เมื่อนำตัวมาทำการสอบสวน เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2 ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันปล้นทรัพย์ภายในปั้มจริง และยังซักทอดอีกว่า มีเพื่อนอีก 2 คน เป็นคนขับรถรับส่ง พร้อมกับคอยดูต้นทางอีกด้วย
นายทรงพล บุญสาร หนึ่งในผู้ต้องหา อ้างว่า ในคืนเกิดเหตุ ได้นั่งดื่มสุรากับเพื่อนอีก 3 คน จนเมากันได้ที่ จึงเกิดความคึกคะนอง จึงชักชวนกันไปก่อเหตุคดีปล้นทรัพย์ในปั๊มน้ำมัน เพื่อนำเงินมาแบ่งกัน โดยตนเป็นคนถืออาวุธปืนไปจี้พนักงาน แล้วให้พนักงานประจำร้านส่งเงิน พร้อมโทรศัพท์มือถือมาให้ ส่วน นายกิตติชัย พุ่มฉัตร คอยดูต้นทางอยู่หน้าร้าน เมื่อได้ทรัพย์สินแล้ว ได้ออกไปหน้าปั้ม โดยมีเพื่อนอีก 2 คน จอfรถกระบะรอรับ แล้วหลบหนีไป จนถูกจับได้ ส่วนเพื่อนอีก 2 คนยังหลบหนีไปโดยไม่ทราบว่าหนีไปอยู่ที่ไหน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันปล้นทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม และร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่อีก 2 คน ก็จะได้ออกหมายจับ เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีด้วย