ศูนย์ข่าวศรีราชา - แม่หอบลูกสาววัย 3 ขวบ เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังถูกพ่อสามีใหม่ที่มีอายุมากถึง 70 ปี กระทำอนาจาร เผยก่อนหน้านี้ก็เคยถูกพ่อสามีใหม่ทำอนาจารแต่ไม่กล้าแจ้งความเพราะเกรงอันตราย สุดท้ายหอบลูกหนีไปให้ญาติที่ต่างจังหวัด
เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (7 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า ได้นำนางวิลัย (นามสมมติ) อายุ 25 ปี อาชีพรับจ้างพร้อมบุตรสาววัย 3 ขวบ และนางสาทิพย์ ภูธนะกูล นักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดระยอง เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ ไตรราช ร้อยเวร สภ.บ้านฉาง จ.ระยอง หลังบุตรสาวถูกปู่เลี้ยงซึ่งเป็นบิดาของสามีใหม่อายุ 70 ปีเศษ กระทำอนาจารในบ้านพักหมู่ 5 ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง
โดยนางวิลัย บอกว่า บุตรสาวเป็นลูกติดจากสามีเก่า และปัจจุบันตนได้นำลูกย้ายมาอยู่กับครอบครัวของสามีใหม่ โดยในช่วงเช้าได้ออกไปทำงานรับจ้าง และปล่อยบุตรสาววัย 3 ขวบ อยู่บ้านกับพ่อของสามีใหม่ และได้ทำเช่นนี้เป็นประจำทุกวัน
กระทั่งเมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา บุตรสาวได้บอกว่าเจ็บที่อวัยวะเพศ จึงสอบถามความจริงกระทั่งรู้ว่าถูกปู่เลี้ยงกระทำอนาจารจึงพาไปให้หมอที่ รพ.บ้านฉาง ตรวจ ซึ่งก็พบว่าอวัยวะเพศฉีกขาดแต่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเกิดจากการใช้นิ้ว หรืออวัยวะเพศ และต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ที่แน่ชัด ซึ่งในครั้งแรกตนไม่กล้าแจ้งความเพราะเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิตจากสามีใหม่
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญนักจิตวิทยา อัยการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมสอบปากคำ เนื่องจากเด็กยังมีอายุน้อย แต่นางวิลัย กลับไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่สอบปากคำบุตรสาวพร้อมรีบนำตัวบุตรสาวออกจากโรงพักทันที
โดยนางวิลัย ได้บอกแก่ผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนก็เคยถูกพ่อสามีใหม่กระทำอนาจารมาก่อน ขณะขี่รถจักรยานยนต์ และให้พ่อสามีใหม่ซ้อนท้าย กระทั่งถูกพ่อสามีใหม่ใช้มือโอบลูบคลำหน้าอก และอวัยวะเพศ ซึ่งตนได้พยายามปัดมือออก และขู่ว่าหากกระทำอีกจะเอาเรื่อง แต่ครั้งนี้เมื่อเหตุการณ์เกิดกับลูกสาวจึงรู้สึกเสียใจมาก พร้อมบอกว่าในวันพรุ่งนี้ (8 มี.ค.) จะพาบุตรสาวไปฝากญาติที่ จ.สุพรรณบุรี และจะไม่ยอมให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นำลูกของตนไป
ด้านนางสาทิพย์ ภู่ธนะกูล เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดระยอง กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวแม่ของเด็กไม่อนุญาตให้บุตรสาวอยู่ในความดูแลของสำนักงานฯ ซึ่งทางสำนักงานฯ ก็ได้มอบเงินช่วยเหลือ จำนวน 2,000 บาทเพื่อเป็นค่าเดินทางให้แก่นางวิลัย