ป้องกันสุพรรณนำกำลัง อส.ไล่จับสองผัวเมียค้ายาบ้า

กาญจนบุรี - ป้องกันสุพรรณบุรี นำกำลัง อส.ล่อซื้อยาบ้าจากสองสามี-ภรรยา เกิดไหวตัวทันวิ่งเข้าห้องน้ำโยนยาบ้าพร้อมเงินล่อซื้อลงส้วม แต่ไม่รอด พ่วงเจ้าของยาอีก 1 ราย

เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (23 ก.พ.) นายสุพล ภูมิฐานนท์ ป้องกันจังหวัดสุพรรณบุรี นายชาญศักดิ์ รอดเจริญ ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า มีขบวนการลักลอบค้ายาบ้า โดยเช่าห้องพักเลขที่ 78/1 หมู่ 1 ต.ดอนกำยาน ไว้สำหรับจำหน่ายให้แก่กลุ่มวัยรุ่น หลังจากรับแจ้งจึงส่งสายลงพื้นที่หาข่าว จนเป็นที่แน่ชัดว่า มีการลักลอบจำหน่ายยาบ้าจริงตามที่ได้รับแจ้ง จากนั้นจึงวางแผนให้สายข่าวทำการล่อซื้อ และมีการนัดหมายส่งของที่บ้านเช่าหลังดังกล่าว จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน อส.จังหวัดสุพรรณบุรี ทำการปิดล้อม และซุ่มโป่งรอจนกระทั่งมีการส่งมอบยาบ้าสำเร็จ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม เมื่อผู้ต้องหาเห็นเจ้าหน้าที่กรูกันเข้ามา จึงนำยาบ้าวิ่งเข้าไปภายในบ้าน จากนั้นนำยาบ้า และเงินล่อซื้อทิ้งลงโถส้วมแล้วใช้น้ำราดลงไปเพื่อทำลายหลักฐาน

แต่ไม่พ้นสายตาของเจ้าหน้าที่ และได้นำชะแลงมางัดฝาลองส้วมออก พบยาบ้าบรรจุในถุงพลาสติกใสแบบรูดเปิด-ปิด และเงินสดสำหรับล่อซื้อลอยอยู่ เจ้าหน้าที่จึงนำของกลางทั้งหมดขึ้นมา รวมยาบ้าทั้งหมด 113 เม็ด โดยคุมตัวผู้ต้องหาเอาไว้ได้ทั้งหมด 3 ราย คือ นายสมควร ผิวพันธุ์ อายุ 35 ปี นางเจียมจิตร โภชน์มาก อายุ 36 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 239/2 หมู่ 1 ต.ดอนกำยาน อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี และนายพงศกร สีงาม อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 หมู่ 1 ต.ดอนกำยาน อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี

จากการสอบสวน นางเจียมจิตร ผู้ต้องหาให้การว่า ยาบ้าทั้งหมดเป็นของนายพงศกร ที่นำมาฝากให้ตนและสามีขายให้แก่กลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ หลังทราบเจ้าหน้าที่จึงคุมตัวนายพงศกร ไปตรวจค้นที่บ้านพัก ผลปรากฏว่า พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ภายในห้องนอนอีกจำนวน 194 เม็ด เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายสุพล ภูมิฐานนท์ ป้องกันจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า เราได้รับแจ้งว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 รายมีพฤติกรรมจำหน่ายยาบ้าให้แก่กลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่มานาน จึงเฝ้าติดตามพฤติกรรมของผู้ต้องหามาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถจับกุมตัวได้เนื่องจากไม่มีหลักฐาน จนกระทั่งสายข่าวได้ทำการล่อซื้อยาบ้าจากผู้ต้องหาทั้ง 3 สำเร็จ จึงได้ร่วมกันวางแผน และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ส่วนผู้ร่วมขบวนการเจ้าหน้าที่จะสืบสวนเพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป