กาฬสินธุ์ - ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาวจังหวัดกาฬสินธุ์ เตือนชาวนางดขยายพื้นที่ปลูกข้าวเนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนเหลือเพียง 692 ล้าน ลบ.ม. และในขณะนี้เริ่มกระทบต่อการปลูกข้าวนาปรัง เนื่องจากชาวนาทำการปลูกข้าวเกือบ 3 แสนไร่ในพื้นที่ชลประทาน
วันนี้ (14 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดกาฬสินธุ์แจ้งว่า จากการติดตามสถานการณ์ปัญหาความแห้งแล้ง ซึ่งเริ่มปกคลุมพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยเฉพาะเขื่อนลำปาวในปีนี้ยังคงมีปริมาณน้ำน้อยกว่าเกณฑ์ ส่งผลให้พื้นที่เขตชลประทานเกิดปัญหาชาวนาผู้ปลูกข้าวนาปรังเริ่มแย่งน้ำกันใช้
นายปิยปัญญา ภู่ขวัญเมือง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาวจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนขณะนี้มี 692 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 34 นั้น มีเพียงพอให้เกษตรกรได้ทำนาปรัง ซึ่งเดิมได้ประกาศให้เพาะปลูกได้ 150,000 ไร่ แต่ในปีนี้มีการเพาะปลูกถึง 297,000 ไร่ ซึ่งมากกว่าเท่าตัว
ส่งผลให้พื้นที่ปลายน้ำน้ำไหลไปไม่ทั่วถึงเนื่องจากชาวนากักน้ำไว้ใช้ และบางจุดพบการบุกรุกที่ชลประทานเกิดปัญหาการแย่งน้ำ ซึ่งเขื่อนลำปาวกำลังดำเนินการแก้ไข ส่งผลให้บางแห่งเกิดความแห้งแล้งเสียหาย
นอกจากนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า ในฤดูฝนจะล่าช้าไปอีก 2 สัปดาห์ ในช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นฤดูกาลนาปี ขอให้เกษตรกรได้เลื่อนการทำนาไปเป็นเดือนสิงหาคมเพื่อลดปัญหาความเสี่ยงจากการขาดแคลนน้ำ ในส่วนน้ำอุปโภคบริโภคยืนยันว่ามีเพียงพอที่ยังสามารถนำแจกจ่ายแก่ประชาชนผู้ประสบภัยแล้งอย่างทั่วถึง