พิจิตร - ชาวนาพิจิตรปฏิบัติภารกิจรวบรวมรายชื่อชาวนาที่เดือดร้อนจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ถวายฎีกาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสร็จสิ้น เดินทางกลับพิจิตรพร้อมรื้อเวทีปราศรัยรอผล 25 ก.พ. ไม่ได้เงินเข้าร่วมปฏิรูปแน่
รายงานข่าวจากจังหวัดพิจิตรแจ้งความคืบหน้าจากการที่ นายประกาศิต แจ่มจำรัส นายก อบต.ท้ายน้ำ อ.โพทะเล จ.พิจิตร และนายมนูญ มณีโชติ แกนนำชาวนาพิจิตร ได้นำชาวนากว่า 100 คนเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปถวายฎีกาขอพระราชทานความเมตตาจากในหลวง ขณะนี้ทุกคนได้เดินทางกลับมาบ้านที่พิจิตรแล้ว พร้อมทั้งทำการเก็บรื้อเวทีที่ตั้งชุมนุมอยู่ข้างถนนริมทางหลวงหมายเลข 117 นครสวรรณ-พิษณุโลก ที่บริเวณสี่แยกโพธิ์ไทรงาม อ.บึงนาราง จ.พิจิตร
นายมนูญ มณีโชติ แกนนำชาวนา เปิดเผยว่า จะรอฟังถึงวันที่ 25 ก.พ. 2557 ว่ารัฐบาลจะมีเงินจ่ายชาวนาพิจิตรกว่า 4 หมื่นครอบครัว เป็นเงิน 7,300 ล้านบาทหรือไม่ ถ้าไม่มีก็จะชุมนุมอีกครั้ง โดยคราวนี้จะมีเป้าหมายขอร่วมปฏิรูปประเทศไทย และองค์กรชาวนาต้องเป็น 1 ใน 5 ของคณะปฏิรูปไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่าย กปปส.ที่จะปฏิรูปประเทศไทยก็ตาม
ทั้งนี้ ได้ให้เหตุผลว่าปัญหาของชาวนาต้องแก้ไขโดยชาวนา ไม่ใช่นำนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญมาออกนโยบายที่เกี่ยวกับชาวนา
ในส่วนของสภาเกษตรกรที่ตั้งมาตามกฎหมายหรือตามรัฐธรรมนูญ บทบาทการขับเคลื่อนที่ผ่านมาไม่เอื้อประโยชน์ต่อชาวนาเลย แต่กลับไปเอื้อประโยชน์ต่อนโยบายของรัฐเป็นหลัก ขณะนี้เกิดวิกฤตกลียุคของชาวนา จึงทำให้เห็นแก่นแท้ตัวตนแล้วว่าใครเป็นชาวนา ใครอยู่ข้างชาวนาที่แท้จริง ดังนั้นในอนาคตอันใกล้นี้ถ้าจะมีการสรรหาก็จะได้ตัวแทนของชาวนาที่แท้จริง
ด้านนายประกาศิต แจ่มจำรัส แกนนำที่พาชาวนาเข้ากรุงเทพฯ ไปถวายฎีกา เปิดเผยว่าแกนนำชาวนาพิจิตรจำนวน 100 คน เหมารถทัวร์ 2 คัน รถตู้ 1 คัน เก็บค่ารถคนละ 400 บาท ออกเดินทางไปตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 5 ก.พ. 57 ถึงกรุงเทพฯ เวลา 04.00 น. ของวันที่ 6 ก.พ. 57 และได้ไปจอดรถขอใช้ห้องน้ำที่โรงแรมริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ ซอยวัดภคินีนาถ เขตบางพลัด
เจ้าของโรงแรมคือ คุณสมพร พัชรภิญโญพงศ์ เป็นชาวพิจิตร พอทราบว่ามีชาวนาพิจิตรที่ลำบากเดือดร้อนจะมาถวายฎีกาในหลวง ก็เห็นใจให้ใช้บริการฟรี แถมสั่งกุ๊กในโรงแรมจัดอาหารเช้า ชา- กาแฟ และข้าวสวยร้อนๆ กับข้าว 3-4 อย่าง เป็นบุฟเฟต์อาหารเช้าให้กินฟรีอีกด้วย
หลังจากนั้นเวลา 07.30 น. ชาวนาทุกคนก็ขึ้นรถเดินทางไปยังจุดนัดพบที่มีพี่น้องชาวพิจิตรที่อยู่ในกรุงเทพฯ นัดให้ไปจอดรถเจอกันที่ริมคลองหลอด ข้างสวนสาธารณะสราญรมย์ท่ามกลางสื่อมวลชนจากหลายแขนงมาทำข่าวและสอบถามความจริงถึงความทุกข์ลำบากของชาวนาว่ามีมากมายสุดลำเค็ญในชีวิตแล้วหรือจึงต้องมาถวายฎีกาในหลวงให้ระคายเคืองใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
ชาวนาหลายคนก็ได้พูดคุยกับผู้สื่อข่าวว่า ชาวนาโดยปกติก็จนอยู่แล้ว นาก็ต้องเช่าเขาทำ ค่าเช่านาตอนนี้ไร่ละ 700-1,000 บาทต่อ 1 ฤดูกาล ขอเก็บล่วงหน้าปีหนึ่ง ปีหนึ่งต้องทำนา 2 ครั้ง ถ้าไม่ทำ 2 ครั้งเจ้าของนาก็จะเปลี่ยนผู้เช่าทันที จึงต้องทำนาต่อเนื่อง
ดังนั้น เมื่อไม่ได้เงินจำนำข้าวก็ไม่มีทุนที่จะทำนารอบ 2 อีกทั้งหนี้เก่าค่าเมล็ดพันธุ์ ค่ารถเกี่ยวข้าว ค่ารถดำนา เงินที่จะต้องใช้หนี้กองทุนสัจจะ กองทุนหมู่บ้าน กองทุนสตรี หนี้ ธ.ก.ส. เงินที่จะต้องผ่อนค่างวดรถมอเตอร์ไซค์ ค่ากิน ค่าใช้จ่าย ค่าขนม ค่าเทอมลูกไปโรงเรียนก็ไม่มี ชาวนาบางคนใช้ไฟฟ้าสูบน้ำทำนา ตอนนี้เลย 2 เดือนแล้วไม่ได้จ่ายค่าไฟการไฟฟ้าฯ ก็ผ่อนผันจนสุดๆ สุดท้ายวันนี้ปาเข้าไปจะ 4 เดือนแล้ว ก็เลยถูกตัดไฟฟ้าทั้งที่บ้านและที่แปลงนา
ที่สำคัญชาวนาที่กู้ ธ.ก.ส. ต้องทำฌาปณกิจ เวลาตายก็จะได้เงินก้อนนี้หักหนี้กันไป ก็ปรากฏว่าจะไม่มีส่งเบี้ยประกันก็จะทำให้เสียสิทธิ อีกทั้งเงินที่ได้ส่งไปก่อนหน้านี้ก็จะต้องสูญเปล่า จึงต้องไปกู้เงินนอกระบบมาใช้จ่าย จึงมีความทุกข์ยากแสนเข็ญ เป็นเหตุให้ต้องมาถวายฎีกาในหลวง เพื่อขอพระราชทานความเมตตาช่วยเหลือ
หลังจากสื่อมวลชนและประชาชนที่ออกกำลังกายอยู่ที่สวนสาธารณะสราญรมย์ได้ยินได้ฟังต่างก็เข้าใจและเห็นใจชาวนาที่ต้องเข้ากรุงเทพฯ ในครั้งนี้
จากนั้นเวลา 09.00 น. ชาวนาทั้งหมดก็ตั้งแถวเดินขบวนอย่างมีระเบียบ โดยนายประกาศิตแจ่มจำรัส และแกนนำได้ใช้พานทองและอัญเชิญฎีกาใส่ในพานต่อด้วยขบวนธงชาติและชาวนา 100 คน เดินเข้าแถวเป็นขบวนออกจากสวนสาธารณะสราญรมย์ ผ่านกระทรวงกลาโหมมุ่งหน้าไปยังสำนักพระราชวัง ซึ่งอยู่ภายในรั้วเดียวกับวัดพระแก้ว ท่ามกลางตำรวจ สน.พระราชวัง ที่มาอำนวยความสะดวกให้
เมื่อถึงประตูทางเข้าพระราชวัง เจ้าหน้าที่ได้อนุญาตให้ผู้อัญเชิญฎีกาและพวกรวมแล้วจำนวน 6 คนเท่านั้นได้เข้าไปยังห้องรับรอง เมื่อถึงเวลา 09.45 น. นายวิสูตร เยี่ยมแสนสุข กองงานกองนิติการสำนักพระราชวังได้ออกมารับหนังสือ พร้อมทั้งออกใบรับฎีกาและรายชื่อที่เกษตรกรเขียนคำร้องทุกข์แนบมาเป็นจำนวนหลายพันรายชื่อ นำมอบให้กองงานฯ พระราชวัง
นายวิสูตรกล่าวว่า ในหลวงเป็นพ่อของพี่น้องปวงชนชาวไทยทุกคน ถ้ามีทุกข์ยากแสนเข็ญพระองค์ก็จะทรงเป็นที่พึ่งให้ได้เสมอ ส่วนข้อความที่อยู่ในฎีกาทั้งหมดนี้จะถึงพระเนตรพระกรรณของพระองค์ท่านอย่างแน่นอน
จากนั้นเวลา 10.15 น. ตัวแทนชาวนาก็ออกมายังหน้าประตูสำนักพระราชวัง ท่ามกลางพี่น้องชาวนาที่นั่งรอกันอยู่อย่างใจจดใจจ่อ เมื่อทราบว่าได้ถวายฎีกาเรียบร้อย ทุกคนต่างนั่งลงก้มกราบพระบรมฉายาลักษณ์แล้วเปล่งเสียงว่า ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ อย่างปลื้มปีติ และได้ขึ้นรถเดินทางมุ่งหน้ากลับบ้านที่พิจิตร