เขื่อนลำปาวกาฬสินธุ์ส่อแล้งหนัก ข้าวนาปรังขาดน้ำ

กาฬสินธุ์ - จังหวัดกาฬสินธุ์ส่อวิกฤตแล้งหนัก หลังปริมาณน้ำเขื่อนลำปาวเหลือเพียง 752 ล้าน ลบ.ม. หรือ 38% ขณะที่ข้าวนาปรังของเกษตรกรกว่า 300,000 ไร่เริ่มขาดแคลนน้ำ เหตุชาวนาท้ายเขื่อนฝืนคำเตือนทำนาปรัง

วันนี้ (4 ก.พ.) สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยเฉพาะเขื่อนลำปาว ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาฬสินธุ์ พบว่าเขื่อนลำปาวมีปริมาณน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุดมีปริมาณน้ำในอ่างเหลืออยู่เพียง 752 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 38 ของความจุอ่าง 1,980 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งทางเขื่อนลำปาวยังคงระบายน้ำให้เกษตรกรเพื่อใช้ในการเกษตรหล่อเลี้ยงพืชฤดูแล้งและการประมงถึงวันละ 4 ล้าน ลบ.ม.

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระบุว่า สาเหตุที่เขื่อนลำปาวมีปริมาณน้ำกักเก็บเหลือน้อย เนื่องจากช่วงฤดูฝนที่ผ่านมามีฝนตกลงมาในพื้นที่น้อย ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนน้อยมาก

จึงขอให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัดเพื่อป้องกันปัญหาขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปรังและเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ควรหาบ่อสำรองกักตุนน้ำไว้เพื่อป้องกันปัญหาแย่งชิงน้ำ ขณะนี้ข้าวนาปรังบางส่วนเริ่มขาดแคลนน้ำแล้ว และคาดว่าปีนี้ปัญหาความแห้งแล้งจะยาวนานกว่าทุกปี

ด้านนายปิยปัญญา ภู่ขวัญเมือง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว กล่าวว่า สถานการณ์น้ำเขื่อนลำปาวปีนี้อาจกระทบต่อภาคการเกษตรอย่างมาก โดยเฉพาะการเพาะปลูกข้าวนาปรัง เนื่องจากปริมาณน้ำเหลือน้อยไม่เพียงพอต่อการทำนาปรังในเขตพื้นที่ชลประทานเขื่อนลำปาวที่มีอยู่ทั้งหมด 306,963 ไร่ ซึ่งเขื่อนลำปาวสามารถส่งน้ำให้เกษตรกรปลูกพืชฤดูแล้งได้เพียง 300 ล้าน ลบ.ม. ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรหน้าแล้งได้ 180,000 ไร่เท่านั้น

แต่ขณะนี้มีเกษตรกรฝืนคำเตือนเพาะปลูกพืชฤดูแล้งและทำนาปรังมากเกือบ 100% เต็มพื้นที่ หรือกว่า 300,000 ไร่ เกรงว่าจะกระทบต่อการเพาะปลูก น้ำไม่เพียงพอต่อการทำนาปรัง อย่างไรก็ตาม จะสำรองน้ำไว้เพื่อใช้ในการอุปโภค บริโภคตลอดฤดูแล้ง และจะกักเก็บน้ำไว้เพื่อให้เกษตรกรตกกล้าในฤดูทำนาปีได้อย่างแน่นอน