ศูนย์ข่าวศรีราชา - บสย.สำนักงานสาขาชลบุรี เผยผลดำเนินงานปี 56 สามารถค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคตะวันออกได้ถึง 7.62 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 2 พันล้าน ขณะที่ในปี 57 ยังเดินหน้าสนับสนุนการค้ำประกันสินเชื่อผู้ประกอบการในพื้นที่ให้ได้ตามเป้าหมาย 6.5 พันล้านบาท พร้อมเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ หวังลดการพึ่งพาเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยโหด
นายกฤต สมมาศเดชสกุล ผู้จัดการ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สำนักงานสาขาชลบุรี เผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2556 ของสำนักงานชลบุรี ซึ่งมีพื้นที่รับผิดชอบ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ประกอบด้วย ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, ตราด และฉะเชิงเทรา โดยแยก 3 จังหวัดเดิม คือ สระแก้ว, ปราจีนบุรี และนครนายก ไปอยู่ในความรับผิดชอบของทีม Mobile 1 ที่ได้จัดตั้งขึ้นใหม่ว่า ได้อนุมัติวงเงินค้ำประกันสินเชื่อตลอดปีที่ผ่านมากว่า 7,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่ายอดอนุมัติวงเงินค้ำประกันสิ้นเชื่อในปี 2555 กว่า 2,399 ล้านบาท และได้ช่วยเหลือผู้ประกอบกว่า 2,543 ราย ซึ่งในปี 2557 บสย.สำนักงานสาขาชลบุรี ตั้งเป้าการอนุมัติวงเงินค้ำประกันใน 5 จังหวัดภาคตะวันออกไว้กว่า 6,500 ล้านบาท
ขณะที่ผลประกอบการของ บสย.ทั่วประเทศในปี 2556 พบว่าเป็นที่น่าพอใจ โดยมียอดอนุมัติวงเงินค้ำประกันสินเชื่อกว่า 87,052 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนกว่า 4,300 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ประกอบทั่วประเทศกว่า 28,020 ราย
“ในปี 2557 บสย.ตั้งเป้าหมายอนุมัติวงเงินค้ำประกันทั่วประเทศไว้ที่ 1 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนมากที่สุด ภายใต้โครงการที่ บสย.ได้รับอนุมัติจาก ครม. เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีระยะเวลาโครงการ 3 ปี (2556-2558) ประกอบด้วยโครงการ PGS-5 ซึ่งมีวงเงินค้ำประกันรวม 240,000 ล้านบาท โดย บสย.จะอนุมัติค้ำประกันสูงสุด 40 ล้านบาทต่อรายต่อสถาบันการเงิน”
และยังมีโครงการ PGS New Start-up ซึ่งมีวงเงินค้ำประกันรวม 10,000 ล้านบาท โดย บสย.จะอนุมัติค้ำประกันสูงสุด 2 ล้านบาทต่อรายต่อสถาบันการเงิน
นอกจากนั้น บสย. ยังได้ทำ MOU กับธนาคารออมสินในปี 2556 ภายใต้โครงการ “เศรษฐกิจฐานราก” เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ไม่มีหลักประกันให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินได้ ซึ่ง บสย.จะค้ำประกันให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยที่มีศักยภาพ และผ่านการพิจารณาจากธนาคารออมสินแล้ว ในวงเงินค้ำประกันสูงสุด 1 ล้านบาทต่อราย
โครงการนี้จะสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่มีอยู่เป็นจำนวนมากให้ได้รับเงินทุน เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ หรือขยายกิจการโดยไม่ต้องกู้เงินนอกระบบเหมือนที่ผ่านมา
“นอกจากโครงการค้ำประกันหลักของ บสย.คือ โครงการ PGS-5 และโครงการ New Start-Up ที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไปแล้ว บสย.ยังช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินได้ยาก เนื่องจากไม่มีหลักประกัน และมีอยู่จำนวนมากให้ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ โดยการพิจารณาสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคารออมสิน และมี บสย.เป็นผู้ค้ำประกัน ซึ่งโครงการนี้ บสย.มีวงเงินค้ำประกันทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท และจะสิ้นสุดโครงการในเดือน ก.ค.2557 นี้” นายกฤต กล่าว
นายกฤต สมมาศเดชสกุล ผู้จัดการ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สำนักงานสาขาชลบุรี เผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2556 ของสำนักงานชลบุรี ซึ่งมีพื้นที่รับผิดชอบ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ประกอบด้วย ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, ตราด และฉะเชิงเทรา โดยแยก 3 จังหวัดเดิม คือ สระแก้ว, ปราจีนบุรี และนครนายก ไปอยู่ในความรับผิดชอบของทีม Mobile 1 ที่ได้จัดตั้งขึ้นใหม่ว่า ได้อนุมัติวงเงินค้ำประกันสินเชื่อตลอดปีที่ผ่านมากว่า 7,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่ายอดอนุมัติวงเงินค้ำประกันสิ้นเชื่อในปี 2555 กว่า 2,399 ล้านบาท และได้ช่วยเหลือผู้ประกอบกว่า 2,543 ราย ซึ่งในปี 2557 บสย.สำนักงานสาขาชลบุรี ตั้งเป้าการอนุมัติวงเงินค้ำประกันใน 5 จังหวัดภาคตะวันออกไว้กว่า 6,500 ล้านบาท
ขณะที่ผลประกอบการของ บสย.ทั่วประเทศในปี 2556 พบว่าเป็นที่น่าพอใจ โดยมียอดอนุมัติวงเงินค้ำประกันสินเชื่อกว่า 87,052 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนกว่า 4,300 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ประกอบทั่วประเทศกว่า 28,020 ราย
“ในปี 2557 บสย.ตั้งเป้าหมายอนุมัติวงเงินค้ำประกันทั่วประเทศไว้ที่ 1 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนมากที่สุด ภายใต้โครงการที่ บสย.ได้รับอนุมัติจาก ครม. เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีระยะเวลาโครงการ 3 ปี (2556-2558) ประกอบด้วยโครงการ PGS-5 ซึ่งมีวงเงินค้ำประกันรวม 240,000 ล้านบาท โดย บสย.จะอนุมัติค้ำประกันสูงสุด 40 ล้านบาทต่อรายต่อสถาบันการเงิน”
และยังมีโครงการ PGS New Start-up ซึ่งมีวงเงินค้ำประกันรวม 10,000 ล้านบาท โดย บสย.จะอนุมัติค้ำประกันสูงสุด 2 ล้านบาทต่อรายต่อสถาบันการเงิน
นอกจากนั้น บสย. ยังได้ทำ MOU กับธนาคารออมสินในปี 2556 ภายใต้โครงการ “เศรษฐกิจฐานราก” เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ไม่มีหลักประกันให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินได้ ซึ่ง บสย.จะค้ำประกันให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยที่มีศักยภาพ และผ่านการพิจารณาจากธนาคารออมสินแล้ว ในวงเงินค้ำประกันสูงสุด 1 ล้านบาทต่อราย
โครงการนี้จะสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่มีอยู่เป็นจำนวนมากให้ได้รับเงินทุน เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ หรือขยายกิจการโดยไม่ต้องกู้เงินนอกระบบเหมือนที่ผ่านมา
“นอกจากโครงการค้ำประกันหลักของ บสย.คือ โครงการ PGS-5 และโครงการ New Start-Up ที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไปแล้ว บสย.ยังช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินได้ยาก เนื่องจากไม่มีหลักประกัน และมีอยู่จำนวนมากให้ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ โดยการพิจารณาสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคารออมสิน และมี บสย.เป็นผู้ค้ำประกัน ซึ่งโครงการนี้ บสย.มีวงเงินค้ำประกันทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท และจะสิ้นสุดโครงการในเดือน ก.ค.2557 นี้” นายกฤต กล่าว
