กาญจนบุรี - นายอำเภอเมืองกาญจน์ ระดมสมองช่วยเหลือช้างป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ หลังช้างป่ามักออกจากพื้นที่ป่าเข้าหากินในพื้นที่ทำกินของชาวบ้าน ในบริเวณพื้นที่เขตรอยต่อระหว่างชุมชน กับพื้นที่ป่าอำเภอเมืองกาญจนบุรี
วันนี้ (10 ธ.ค.) ที่ห้องประชุม เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ อ.เมืองกาญจนบุรี นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี เป็นประธานในการประชุมเพื่อแก้ปัญหา และช่วยเหลือช้างป่าสลักพระ โดยมี นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าสลักพระ ผู้นำท้องถิ่น กำนัน และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ต.วังด้ง และ ต.ช่องสะเดา รวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ร่วมหารือ โดยในที่ประชุมที่การพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาผลกระทบจากการที่ช้างป่าออกมาหากินนอกพื้นที่ และแนวทางในการแก้ปัญหา โดยได้ข้อสรุปว่า ควรตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และผู้นำชุมชนเพื่อร่วมแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังต่อไป
โดย นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี เปิดเผยเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาช้างป่าออกหากินนอกเขตพื้นที่ป่าว่า จากการหารือร่วมกันทั้งภาคราชการ และนักปกครองท้องที่และผู้บริหาร อปท. รวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่า ได้ข้อสรุปว่า ทุกภาคส่วนควรร่วมกันระดมสมอง และร่วมมือในการช่วยแก้ปัญหา โดยมุ่งเน้นในการร่วมมืออนุรักษ์ และช่วยเหลือช้างป่า เพราะช้างป่าถือเป็นทรัพยากร หรือสมบัติของชาติไทยที่ต้องช่วยกันดูแลอนุรักษ์อย่างจริงจัง
ดังนั้น จึงตั้งคณะทำงานร่วมกัน โดยตนเป็นประธาน และหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เป็นเลขานุการฯ เบื้องต้นทราบว่าการที่ช้างออกมาหากินนอกพื้นที่ป่า เพราะแหล่งน้ำแหล่งอาหารไม่พอเพียง ดังนั้น การแก้ปัญหาในเบื้องต้นคงต้องขอความร่วมมือจากทางท้องถิ่นให้ช่วยจัดสรรงบประมาณจัดทำโครงการปรับปรุงแหล่งน้ำ และเพิ่มพื้นที่แหล่งอาหาร รวมถึงการช่วยปรับปรุงซ่อมแซมแนวรั้วไฟฟ้าที่ชำรุดให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ
ส่วนแนวทางการแก้ปัญหาในระยะยาวก็จะต้องเร่งของบประมาณในการสร้างรั้วไฟฟ้าที่ยังไม่ครบถ้วนให้แล้วเสร็จ รวมถึงสร้างคูตามแนวเขตเพื่อกันช้างมิให้ออกมาจากพื้นที่ป่า แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การปลูกเสริมแหล่งอาหาร และสร้างแหล่งน้ำเพิ่มในพื้นที่ป่าให้พอเพียงต่อความต้องการของสัตว์ป่า
“หากทุกฝ่ายร่วมมืออย่างจริงจังปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่น่าจะเบาบางลง และหากแหล่งน้ำแหล่งอาหารในพื้นที่ป่ามีเพียงพอก็จะทำให้ช้างป่าไม่ออกมาหากินนอกพื้นที่ แต่ที่สำคัญคือ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันดูแลช้าง ห้ามทำร้ายอย่างเด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นเรื่องของการอนุรักษ์ที่ต้องช่วยกันดูแล”
วันนี้ (10 ธ.ค.) ที่ห้องประชุม เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ อ.เมืองกาญจนบุรี นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี เป็นประธานในการประชุมเพื่อแก้ปัญหา และช่วยเหลือช้างป่าสลักพระ โดยมี นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าสลักพระ ผู้นำท้องถิ่น กำนัน และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ต.วังด้ง และ ต.ช่องสะเดา รวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ร่วมหารือ โดยในที่ประชุมที่การพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาผลกระทบจากการที่ช้างป่าออกมาหากินนอกพื้นที่ และแนวทางในการแก้ปัญหา โดยได้ข้อสรุปว่า ควรตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และผู้นำชุมชนเพื่อร่วมแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังต่อไป
โดย นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี เปิดเผยเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาช้างป่าออกหากินนอกเขตพื้นที่ป่าว่า จากการหารือร่วมกันทั้งภาคราชการ และนักปกครองท้องที่และผู้บริหาร อปท. รวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่า ได้ข้อสรุปว่า ทุกภาคส่วนควรร่วมกันระดมสมอง และร่วมมือในการช่วยแก้ปัญหา โดยมุ่งเน้นในการร่วมมืออนุรักษ์ และช่วยเหลือช้างป่า เพราะช้างป่าถือเป็นทรัพยากร หรือสมบัติของชาติไทยที่ต้องช่วยกันดูแลอนุรักษ์อย่างจริงจัง
ดังนั้น จึงตั้งคณะทำงานร่วมกัน โดยตนเป็นประธาน และหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เป็นเลขานุการฯ เบื้องต้นทราบว่าการที่ช้างออกมาหากินนอกพื้นที่ป่า เพราะแหล่งน้ำแหล่งอาหารไม่พอเพียง ดังนั้น การแก้ปัญหาในเบื้องต้นคงต้องขอความร่วมมือจากทางท้องถิ่นให้ช่วยจัดสรรงบประมาณจัดทำโครงการปรับปรุงแหล่งน้ำ และเพิ่มพื้นที่แหล่งอาหาร รวมถึงการช่วยปรับปรุงซ่อมแซมแนวรั้วไฟฟ้าที่ชำรุดให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ
ส่วนแนวทางการแก้ปัญหาในระยะยาวก็จะต้องเร่งของบประมาณในการสร้างรั้วไฟฟ้าที่ยังไม่ครบถ้วนให้แล้วเสร็จ รวมถึงสร้างคูตามแนวเขตเพื่อกันช้างมิให้ออกมาจากพื้นที่ป่า แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การปลูกเสริมแหล่งอาหาร และสร้างแหล่งน้ำเพิ่มในพื้นที่ป่าให้พอเพียงต่อความต้องการของสัตว์ป่า
“หากทุกฝ่ายร่วมมืออย่างจริงจังปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่น่าจะเบาบางลง และหากแหล่งน้ำแหล่งอาหารในพื้นที่ป่ามีเพียงพอก็จะทำให้ช้างป่าไม่ออกมาหากินนอกพื้นที่ แต่ที่สำคัญคือ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันดูแลช้าง ห้ามทำร้ายอย่างเด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นเรื่องของการอนุรักษ์ที่ต้องช่วยกันดูแล”
