ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สมาคมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านเชียงใหม่ยื่นหนังสือถึง นรม.ผ่านผู้ว่าฯ ยันหนุนรัฐบาลจากการเลือกตั้งไม่รับอำนาจนอกระบบ พร้อมเรียกร้องทำประชามติ “แก้ รธน.-ตั้งสภาประชาชน” ให้ได้คำตอบชัดเจน ด้านศาลากลางจังหวัดสุดเวอร์ระดมตำรวจ-อส.คุมเข้ม ยังไม่พอให้ตำรวจบางส่วนติดอาวุธทั้งปืนสั้น-ยาวเข้ารักษาความปลอดภัยด้วย
กลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านในจังหวัดเชียงใหม่รวมตัวเข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ในวันนี้ (9 ธ.ค.) เพื่อแสดงออกถึงการสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และเรียกร้องให้มีการทำประชามติเพื่อรับฟังความคิดเห็นของคนทั้งประเทศในการแก้ไขปัญหาทางการเมือง ขณะที่บรรยากาศที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครรักษาดินแดนจำนวนมากเข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบบริเวณ
กลุ่มกำนันและผู้ใหญ่บ้านจากทั้ง 25 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ นำโดยนายกมลศิษฐ์ โรจน์ธนภิวัช นายกสมาคมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านจังหวัดเชียงใหม่ เข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านนายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ในวันนี้ โดยระบุว่าทางสมาคมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านจังหวัดเชียงใหม่ยืนยันที่จะสนับสนุนรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคัดค้านความพยายามที่จะให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองที่มิใช่ครรลองตามที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้รัฐบาลเร่งจัดทำประชามติใน 2 เรื่อง ได้แก่ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับและการจัดตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ กับเรื่องการจัดตั้งสภาประชาชน เพื่อให้ประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริงได้ตัดสินใจ และเมื่อได้คำตอบแล้วก็ขอให้ทุกฝ่ายยอมรับในการตัดสินใจดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ ภายหลังยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่แล้ว กลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านจังหวัดเชียงใหม่ได้เคลื่อนขบวนออกจากศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยระบุว่าจะออกรณรงค์ในบริเวณตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อชี้แจงให้ประชาชนได้เข้าใจสถานการณ์และให้การสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และในวันพรุ่งนี้ (10 ธ.ค.) ซึ่งเป็นวันรัฐธรรมนูญนั้น ทางสมาคมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านจังหวัดเชียงใหม่ก็เตรียมที่จะจัดกิจกรรมเดินขบวนรณรงค์ด้วยเช่นกัน โดยจะมีการตั้งขบวนที่บริเวณข่วงประตูท่าแพและจุดอื่นๆ ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปตามพื้นที่ต่างๆ ในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ต่อไป
สำหรับบรรยากาศที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ในวันนี้นั้น พบว่ายังคงมีการเปิดให้บริการประชาชนตามปกติ โดยมีการเสริมกำลังทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครรักษาดินแดนเข้ามาดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยภายในพื้นที่ โดยเฉพาะที่บริเวณอาคารอำนวยการที่มีการจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตามทางเข้าออกทุกจุด อีกทั้งยังพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาปฏิบัติหน้าที่บางส่วนมีการติดอาวุธปืนทั้งปืนสั้นและปืนยาวอีกด้วย
