ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ปชช.โคราชรวมพลังครั้งใหญ่บุกตำรวจภาค 3 ศาลากลางจังหวัดฯ และจวนผู้ว่าฯ จี้ร่วม ปชช.ขับไล่รัฐบาลทรราชโกงชาติ และแสดงอารยะขัดขืนหยุดทำงานพรุ่งนี้ (2 ธ.ค.) ขณะ “ผู้ว่าฯ ขี้ข้าแม้ว” เพิ่มมาตรการ รปภ.ขั้นสูงสุด ตั้งรั้วลวดหนาม 3 ชั้น ระดม ตร. อส. กำนัน-ผญบ. 1,000 คน เข้าตรึงกำลัง ด้านผู้ชุมนุมรื้อรั้วลวดหนามจ่อบุกเข้าไปด้านในหวิดปะทะเดือด แกนนำสั่งถอย และปิดล้อมศาลากลางกว่า 5 ชม. ก่อนเคลื่อนพลมาปักหลักที่เวทีลานย่าโม
วันนี้ (1 ธ.ค.) เวลาประมาณ 11.30 น. ที่ลานข้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) อ.เมือง จ.นครราชสีมา กลุ่มประชาชนคนโคราชทุกสาขาอาชีพในนาม “คนโคราชต้านคนโกง” กว่า 1,000 คน ได้รวมตัวกันเคลื่อนไหวใหญ่เพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และกดดันให้เจ้าหน้าที่ข้าราชการทุกหน่วยงาน ใน จ.นครราชสีมา หยุดการปฏิบัติงานเพื่อแสดงพลังอารยะขัดขืนไม่ยอมรับอำนาจรัฐบาล และหยุดรับใช้ระบอบทักษิณ พร้อมมาเข้าร่วมกับประชาชนในการต่อสู้นำไปสู่การปฏิรูปประเทศไทย
โดยกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งมีนกหวีด มือตบ และธงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ติดตัวได้เคลื่อนขบวน พร้อมรถยนต์ติดเครื่องขยายเสียง และป้ายข้อความขับไล่รัฐบาลทรราชโกงชาติกินแผ่นดิน ไปยังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เป็นจุดแรก ซึ่งมีทั้งกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา และ สภ.เมืองนครราชสีมา ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมกำลังพร้อมโล่ตั้งแถวป้องกันอยู่บริเวณประตูทางขึ้นอาคารสำนักงานทุกอาคารเพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมขึ้นไปยึดภายในตัวอาคารสำนักงานได้ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณด้านหน้าอาคารสำนักงาน และนั่งรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน
ต่อมา พล.ต.ต.เติมพงษ์ สิทธิประเสริฐ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (รอง ผบช.ภ.3) ได้ลงมาพบกับกลุ่มผู้ชุมนุมพร้อมกล่าวว่า ตำรวจอยู่เคียงข้างประชาชน และขอให้ทุกคนชุมนุมอยู่ในกรอบของกฎหมาย พร้อมให้ระมัดระวังความปลอดภัยของตัวเองด้วย
จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนต่อไปยังศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งทางจังหวัดฯ ได้ตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยในระดับขั้นสูงสุด โดยระดมกำลังตำรวจ อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) และกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน เข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อยในศาลากลางจังหวัด กว่า 1,000 นาย พร้อมวางแนวรั้วลวดหนามรอบศาลากลางจังหวัด ถึง 3 ชั้น มีรายงานว่า นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และ พล.ต.ต.พงษ์เดช พรหมมิจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา มาอำนวยการสั่งการอยู่ภายในศาลากลางจังหวัดฯ ด้วยตัวเอง
ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้กระจายกันปิดล้อมประตูทางเข้า-ออก ด้านหน้า และด้านข้างศาลากลางจังหวัด โดยเฉพาะประตูทางเข้า-ออกด้านหน้า ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้รื้อรั้วลวดหนามออก เพื่อพยายามเข้าไปภายในบริเวณศาลากลางจังหวัด ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ได้ตั้งแถวพร้อมโล่ยืนป้องกันอยู่ถึง 4 ชั้น และนำรถดับเพลิงมาจอดเตรียมความพร้อมไว้จำนวนหลายคัน
สถานการณ์เริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมได้ช่วยกันเขย่าประตูเหล็กทางเข้า-ออกศาลากลางจังหวัด จนโซ่ที่คล้องประตูหลุดออก เจ้าหน้าที่ที่ตรึงกำลังอยู่ด้านในได้ขึ้นประจำรถดับเพลิงเตรียมฉีดน้ำเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม แกนนำจึงประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้กลุ่มผู้ชุมนุมถอยออกมาไม่ให้บุกเข้าไปด้านในศาลากลาง และให้ผู้ชุมนุมเป่านกหวีดใส่เจ้าหน้าที่เท่านั้น ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมได้ล่าถอยออกมาตามที่แกนนำสั่งจึงไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด
จากนั้นทางแกนนำได้นำมวลชนส่วนหนึ่งเดินทางไปชุมนุมกดดันที่หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตรึงกำลังคุมเข้มอยู่แล้วเช่นกัน
ขณะที่มวลชนส่วนใหญ่ยังคงปิดล้อมศาลากลางจังหวัดไว้ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้า-ออกได้ พร้อมยื่นข้อเรียกร้องให้ปิดศาลากลางจังหวัดไม่ให้ข้าราชการทุกหน่วยงานทำงานในวันพรุ่งนี้ (2 ธ.ค.) ขณะที่ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีก 15 สภ. เข้ามาเสริม เพื่อรับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุม
จนกระทั่งเวลา 17.30 น. หลังกลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อมศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา อยู่นานกว่า 5 ชั่วโมง จึงได้เคลื่อนขบวนไปรวมตัวกันที่เวที “ร่วมปฏิรูปประเทศไทย รวมพลังไล่ตระกูลโกง” ข้างลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ซึ่งตั้งเวทีคู่ขนานกับเวทีชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพฯ ต่อเนื่องทุกคืนมาตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เพื่อประกาศชัยชนะของประชาชน และประกาศแนวทางการเคลื่อนไหวให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้ทราบต่อไปในคืนนี้ (1 ธ.ค.)
