ฉะเชิงเทรา - สองม็อบเมืองแปดริ้วตั้งเวทีประชันสงครามน้ำลายหน้าศาลากลาง ขณะมวลชนนกหวีดแนวร่วมหนาแน่นเพิ่มขึ้น ด้านตำรวจขนนักเรียนนายสิบตั้งป้อมคั่นกลางระหว่างกัน หลังกำลัง ปจ.อยู่นอกพื้นที่หมด หวั่นปะทะเดือดซ้ำรอยมวลชนในพื้นที่หลายจังหวัด
วันนี้ (29 พ.ย.) เวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมทางการเมืองในเขตพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ว่า ในวันนี้ที่บริเวณลานศาลาไทย หน้าศาลากลาง จ.ฉะเชิงเทรา ได้มีมวลชนกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง จำนวน 2 กลุ่ม ได้เดินทางมาร่วมตัวกันชุมนุม และเปิดเวทีปราศรัยโจมตีระหว่างกันขึ้น ท่ามกลางมวลชนของผู้ชุมนุมที่หนาตาจนดูแน่นเต็มพื้นที่ โดยที่มีกองกำลังผสมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และนักเรียนนายสิบตำรวจจากภาค 2 ชลบุรี ได้เดินทางมาตั้งแนวรั้วแผงกั้นเหล็ก ขวางกั้นระหว่างกันของทั้งสองฝ่าย
โดยการชุมนุมดังกล่าวนี้ มวลชนทั้งสองกลุ่มได้ทำการตั้งจุดปราศรัย ด้วยรถติดเครื่องขยายเสียงห่างกันเพียงประมาณ 120 เมตรเศษเท่านั้น ซึ่งกลุ่มแรก คือ กลุ่มผู้ชุมนุมของคนเสื้อแดง หรือ นปช.ที่ได้มาทำการตั้งจุดปราศรัยยังที่บริเวณลานกีฬาด้านข้างห้องน้ำสาธารณะ ติดกับสนามกีฬาเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา โดยมีนายปรีชา ดำรงชีพ อดีตกำนันตำบลคลองจุกเฌอ และนายพงษ์ศักดิ์ ร่มโพธิ์ทอง อดีตรองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา นำมวลชนเดินทางมาเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยจากแกนนำประมาณ 250 คน ซึ่งเนื้อหาในการปราศรัยส่วนใหญ่ เป็นการกล่าวโจมตีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำม็อบอารยะขัดขืน ต่อต้านระบอบทักษิณ ในกรุงเทพฯ
ขณะที่อีกเวทีหนึ่งนั้น เป็นเวทีปราศรัยชั่วคราวของกลุ่มมวลชนคนเป่านกหวีด แนวร่วมม็อบอารยะขัดขืน และต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของนายสุเทพ ซึ่งมี ดร.บุญเลิศ ไพรินทร์ ส.ส.เขต 1 จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยนายชาลี เจริญสุข และนายสายัณห์ เกตุประยูร อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำ โดยใช้เชิงบันไดเสาธง สนามหน้าศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นเวทีปราศรัยผ่านทางรถติดตั้งเครื่องขยายเสียง ซึ่งเนื้อหาการปราศรัยส่วนใหญ่นั้น จะเป็นการโจมตี ชี้ถึงข้อบกพร่องความผิดปกติของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เกี่ยวกับเรื่องของการทุจริตในโครงการต่างๆ และการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ รวมถึง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งมีผู้เดินทางมาร่วมชุมนุมประมาณ 700 คน
ซึ่งในการปราศรัยนั้น เวทีทั้งสองฝ่ายได้ใช้เครื่องขยายเสียงทำการปราศรัย กระทบกระทั่งกันบ้างเป็นระยะ โดยที่ฝ่ายของทาง นปช.ที่มักจะกล่าวปราศรัยด้วยคำหยาบเป็นฝ่ายที่เริ่มปราศรัยพาดพิงขึ้นมาก่อน จึงถูกทางฝ่ายของม็อบนกหวีดตอบโต้กลับไปบ้าง แต่ตลอดเวลาของการชุมนุมนั้น ยังไม่มีเหตุรุนแรงถึงขึ้นจนถึงขั้นใช้กำลังเข้าทำร้ายกันแต่อย่างใด ก่อนที่ม็อบนกหวีดจะรีบสลายตัวไปก่อนในช่วงเวลา 20.00 น. ขณะที่กลุ่ม นปช.ได้สลายตัวลงตามไปเมื่อเวลา 20.20 น.