บุรีรัมย์ - ตะลึง! พบเด็กหญิงวัย 1 ขวบเศษป่วยเป็นโรคประหลาด ศีรษะโตผิดปกติแขนขาลีบ ตาบอดทั้งสองข้าง วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ และหากครอบครัวใดมีเด็กที่ป่วยเป็นโรคคล้ายกัน ช่วยให้คำแนะนำการดูแลรักษาด้วย
วันนี้ (28 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีเด็กวัยขวบเศษป่วยเป็นโรคประหลาดศีรษะโตผิดปกติ แขนขาลีบ และตาบอกครอบครัวมีฐานะยากจนต้องการความช่วยเหลือ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงบ้านเลขที่ 69 หมู่ 12 ต.ดอนอะราง อฺ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียว สภาพคับแคบ ภายในบ้านพบนางกัญญา สร้อยเพชร อายุ 47 ปี เป็นย่าของเด็กที่ป่วยเป็นโรคประหลาดดังกล่าวนั่งอยู่ภายในบ้าน
บริเวณกลางบ้านพบกับ ด.ญ.กิติยา แถบไธสง หรือน้องหนึ่ง อายุ 1 ขวบ 6 เดือน ซึ่งป่วยเป็นโรคประหลาดศีรษะโตผิดปกติ วัดรอบศีรษะได้ 70 เซนติเมตร น้ำหนักมากถึง 10 กิโลกรัม ซึ่งโตกว่าศีรษะคนธรรมดาทั่วไป นอนอยู่บนที่นอน สภาพร่างกายซูบผอม แขนขาลีบเล็ก ซ้ำตาทั้งสองข้างยังบอดสนิทกะพริบตาไม่ได้ บางช่วงมีอาการเกร็ง เป็นที่น่าเวทนาแก่เพื่อนบ้านและผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง
จากการสอบถามนางกัญญา ย่าของ ด.ญ.กิติยา หรือน้องหนึ่ง เล่าว่า น้องหนึ่งมีสภาพศีรษะโตมาตั้งแต่กำเนิด และมีพัฒนาการน้อยมาก ที่ผ่านมาได้นำหลานไปรักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆ และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่สัญจรมาตรวจรักษาตามสถานที่ต่างในจังหวัดบุรีรัมย์หลายครั้งแต่อาการก็ไม่ดีขึ้น และจากสภาพของน้องหนึ่งทำให้ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
นางกัญญาเล่าต่อว่า พ่อของน้องหนึ่ง ชื่อนายศุถกิจ สร้อยเพชร อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของตนเอง และ น.ส.กนกพรรณ แถบไธสง อายุ 17 ปี เป็นแม่ของน้องหนึ่ง ซึ่งยังเรียนอยู่ ตนจึงต้องรับภาระเลี้ยงดูน้องหนึ่ง ทั้งยังบอกด้วยว่า น.ส.กนกพรรณ ลูกสะใภ้ ตั้งตั้งครรภ์ได้ 7 เดือนก็คลอดก่อนกำหนด เมื่อคลอดออกมาก็พบน้องหนึ่งมีสภาพศีรษะผิดปกติดังกล่าว และจากที่เคยพาหลานไปรักษาแพทย์ระบุว่าส่วนใหญ่เด็กที่ป่วยเป็นโรคนี้จะมีชีวิตอยู่ได้เพียงประมาณ 1 ปีเศษเท่านั้น แต่ตอนนี้น้องหนึ่งก็มีอายุได้ 1 ปี 6 เดือนแล้ว ทำให้ตนยังมีความหวังว่าหากหลานได้รับการผ่าตัดรักษาจะมีโอกาสหายได้ แต่เนื่องจากตนมีฐานะยากจน ประกอบกับพ่อแม่ของเด็กก็ยังเรียนอยู่ จึงอยากวอนให้ผู้ใจบุญช่วยพาน้องหนึ่งไปรักษา เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตเป็นปกติเหมือนเด็กทั่วไป
นางกัญญายังบอกอีกว่า ขณะนี้ครอบครัวได้รับความลำบากอย่างมาก เพราะหลังจากที่น้องหนึ่งคลอดออกมา ตนต้องลาออกจากงานเพื่อมาดูแลหลานอย่างใกล้ชิด มีเพียงลูกชายซึ่งเป็นพ่อน้องหนึ่งที่ไปทำงานรับจ้างทั่วไปมีรายได้ไม่แน่นอน หาเงินมาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว ส่วนเงินที่ใช้จ่ายอยู่ได้กู้มาจากธนาคารออมสินซึ่งใกล้จะครบกำหนดส่งคืนแล้ว ยังไม่รู้หาเงินที่ไหนไปชำระคืน
จึงวิงวอนขอให้หน่วยงานที่ดูแลทุกข์สุขของชาวบ้านเข้าช่วยเหลือ หรือหากครอบครัวใดที่มีลูกป่วยด้วยโรคศีรษะโตเช่นเดียวกัน ช่วยให้คำแนะนำวิธีการดูแลอาการป่วยที่ถูกต้อง ซึ่งก่อนหน้านี้น้องหนึ่ง ยังสามารถกินอาหารและนมได้ แต่ขณะนี้ไม่ยอมกินต้องใช้หลอดฉีดยาดูดนมป้อนน้องหนึ่งตลอดเวลา
หากผู้ใจบุญต้องการช่วยเหลือน้องหนึ่ง สามารถติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-5630-5691 หรือบริจาคผ่านบัญชี ชื่อ นางกัญญา สร้อยเพชร ธนาคารทหารไทย สาขาหนองกี่ บุรีรัมย์ หมายเลขบัญชี 343-2-57374-3