อุดรธานี - ชาวอุดรฯ ทุกสาขาอาชีพกว่า 1,000 คนรวมตัวเป่านกหวีดโค่นระบอบทักษิณ พร้อมยื่นหนังสือเรียกร้องรัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไม่ใช้กำลังสลายการชุมนุม
วันนี้ (27 พ.ย.) ที่ถนนวัฒนานุวงศ์ หน้าศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายรังศรี ศุภชัยสาคร และนายดนุช ตันเทิดทิตย์ แกนนำกลุ่มชาวอุดรรักชาติ นำชาวอุดรธานี ประกอบด้วย กลุ่มคนอุดรรักชาติ เครือข่ายทนายอุดรรักชาติ กลุ่มหมอและพยาบาลอุดรรักชาติ กลุ่มชาวไทยเชื้อสายจีนอุดรรักชาติ กลุ่มครูอุดรรักชาติ กลุ่มชาวไทยเชื้อสายเวียดนามอุดรรักชาติ กลุ่มนักธุรกิจอุดรรักชาติ กลุ่มราษฎรอาวุโสรักชาติ กลุ่มนักศึกษาอุดรรักชาติ และกลุ่มเกษตรอุดรรักชาติกว่า 1,000 คน
มาร่วมชุมนุมเพื่อแสดงออกถึงการไม่ยอมรับการบริหารประเทศของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และยื่นหนังสือเรื่องการใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านทางจังหวัดอุดรธานี ซึ่งบรรยากาศการชุมนุมแกนนำทั้งสองคนผลัดเปลี่ยนปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล พร้อมเรียกร้องให้ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจในจังหวัดหยุดปฏิบัติงาน
โดยมีกำลังตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชนของตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี 1 กองร้อย และกองร้อยอาสาสมัครจังหวัด 1 กองร้อย รวมกว่า 300 นายรักษาความสงบ ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้นำดอกกุหลาบแดงมามอบแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ อส.ที่ยืนรักษาความปลอดภัยอยู่ทางเข้าประตูศาลากลาง เพื่อแสดงถึงการชุมนุมที่สันติ ท่ามกลางเสียงเป่านกหวีดเป็นระยะ
นายรังศรี ศุภชัยสาคร หนึ่งในแกนนำขึ้นอ่านแถลงการณ์ โดยเรียกร้องขอให้ผู้ชุมนุมยังคงยึดมั่นใช้สิทธิและเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ขอให้รัฐบาลปฏิบัติตามเจตนารมณ์ และบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด และยับยั้งไม่ใช้กำลังใดๆ ในการหยุดยั้งหรือสลายการชุมนุม ไม่ว่าจะอยู่กับที่หรือเคลื่อนไหว อันเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามเจตนารมณ์ และบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และสิทธิมนุษยชนตามมาตรฐานสากล
กลุ่มผู้ชุมนุมได้มีข้อเสนอแนะ 3 ข้อ ประกอบด้วย 1. ประชาชนมีเสรีภาพในการชุมนุมและการสมาคมโดยสงบ และปราศจากอาวุธ อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ซึ่งได้รับการรับรองและคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและกติการะหว่างประเทศ
2. รัฐบาลขาดความเคารพต่อเจตนารมณ์และสิทธิการมีสวนร่วมของประชาชนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และไม่นำพาต่อเสียงทักท้วงและการคัดค้านของประชาชน แม้รัฐบาลจะมาจากการเลือกตั้ง แต่การยึดแต่เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่นำพากติกาของรัฐธรรมนูญ ไม่ฟังเสียงประชาชนกลุ่มต่างๆ ในสังคม ทำให้เกิดการละเมิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เห็นได้จากประกาศดำเนินโครงการขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อชุมชน สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม มิได้ศึกษาอย่างถ่องแท้ ขาดความโปร่งใส และไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการตัดสินใจ
3. ความล้มเหลวของรัฐบาลของรัฐสภา ในการควบคุม ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ทำให้ภาคประชาชนต้องออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิต่างๆ อันกระทบต่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของราชการที่ไม่ถูกต้องตรงกันของแต่ละฝ่าย
ภายหลังจากอ่านแถลงการณ์เสร็จ ทางแกนนำได้มอบหนังสือแถลงการณ์ต่อนายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เพื่อส่งต่อไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป จากนั้นแกนนำได้ประกาศขอให้กลุ่มมวลชนเดินเท้าต่อไปที่สำนักงานเทศบาลนครอุดรธานี ที่อยู่ห่างไปประมาณ 300 เมตร เพื่อมอบดอกไม้ให้กำลังใจนายกเทศมนตรี และคณะผู้บริหาร พนักงานเทศบาล จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้แยกย้ายสลายตัวไป
ทั้งนี้ ขณะที่กลุ่มมวลชนกำลังแยกย้ายไปนั้น กลุ่มมวลชนเสื้อแดง พร้อมด้วยรถติดเครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่ นำโดยนักจัดรายการวิทยุคลื่นชมรมคนรักอุดร 97.5 เมกะเฮิร์ตซ์ เช่น ดีเจเบิร์ด ลูกชายของนายขวัญชัย สาราคำ ดีเจก้อง และดีเจบ่าวเซียงข้อง ได้นำมวลชนเสื้อแดงมาขับไล่กลุ่มคนอุดรรักชาติ โดยมีกำลังตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชนยืนตั้งแถวอยู่กลางถนนไม่ให้ทั้ง 2 กลุ่มปะทะกัน กระทั่งกลุ่มคนอุดรรักชาติได้แยกย้ายกันไปหมด กลุ่มมวลชนเสื้อแดงจึงได้สลายตัว และประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่า ขออย่าให้มีการอนุญาตให้กลุ่มมวลชนดังกล่าวมาชุมนุมอีก หากยังมีอยู่จะได้เจอกันอย่างแน่นอน
วันนี้ (27 พ.ย.) ที่ถนนวัฒนานุวงศ์ หน้าศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายรังศรี ศุภชัยสาคร และนายดนุช ตันเทิดทิตย์ แกนนำกลุ่มชาวอุดรรักชาติ นำชาวอุดรธานี ประกอบด้วย กลุ่มคนอุดรรักชาติ เครือข่ายทนายอุดรรักชาติ กลุ่มหมอและพยาบาลอุดรรักชาติ กลุ่มชาวไทยเชื้อสายจีนอุดรรักชาติ กลุ่มครูอุดรรักชาติ กลุ่มชาวไทยเชื้อสายเวียดนามอุดรรักชาติ กลุ่มนักธุรกิจอุดรรักชาติ กลุ่มราษฎรอาวุโสรักชาติ กลุ่มนักศึกษาอุดรรักชาติ และกลุ่มเกษตรอุดรรักชาติกว่า 1,000 คน
มาร่วมชุมนุมเพื่อแสดงออกถึงการไม่ยอมรับการบริหารประเทศของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และยื่นหนังสือเรื่องการใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านทางจังหวัดอุดรธานี ซึ่งบรรยากาศการชุมนุมแกนนำทั้งสองคนผลัดเปลี่ยนปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล พร้อมเรียกร้องให้ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจในจังหวัดหยุดปฏิบัติงาน
โดยมีกำลังตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชนของตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี 1 กองร้อย และกองร้อยอาสาสมัครจังหวัด 1 กองร้อย รวมกว่า 300 นายรักษาความสงบ ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้นำดอกกุหลาบแดงมามอบแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ อส.ที่ยืนรักษาความปลอดภัยอยู่ทางเข้าประตูศาลากลาง เพื่อแสดงถึงการชุมนุมที่สันติ ท่ามกลางเสียงเป่านกหวีดเป็นระยะ
นายรังศรี ศุภชัยสาคร หนึ่งในแกนนำขึ้นอ่านแถลงการณ์ โดยเรียกร้องขอให้ผู้ชุมนุมยังคงยึดมั่นใช้สิทธิและเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ขอให้รัฐบาลปฏิบัติตามเจตนารมณ์ และบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด และยับยั้งไม่ใช้กำลังใดๆ ในการหยุดยั้งหรือสลายการชุมนุม ไม่ว่าจะอยู่กับที่หรือเคลื่อนไหว อันเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามเจตนารมณ์ และบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และสิทธิมนุษยชนตามมาตรฐานสากล
กลุ่มผู้ชุมนุมได้มีข้อเสนอแนะ 3 ข้อ ประกอบด้วย 1. ประชาชนมีเสรีภาพในการชุมนุมและการสมาคมโดยสงบ และปราศจากอาวุธ อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ซึ่งได้รับการรับรองและคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและกติการะหว่างประเทศ
2. รัฐบาลขาดความเคารพต่อเจตนารมณ์และสิทธิการมีสวนร่วมของประชาชนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และไม่นำพาต่อเสียงทักท้วงและการคัดค้านของประชาชน แม้รัฐบาลจะมาจากการเลือกตั้ง แต่การยึดแต่เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่นำพากติกาของรัฐธรรมนูญ ไม่ฟังเสียงประชาชนกลุ่มต่างๆ ในสังคม ทำให้เกิดการละเมิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เห็นได้จากประกาศดำเนินโครงการขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อชุมชน สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม มิได้ศึกษาอย่างถ่องแท้ ขาดความโปร่งใส และไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการตัดสินใจ
3. ความล้มเหลวของรัฐบาลของรัฐสภา ในการควบคุม ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ทำให้ภาคประชาชนต้องออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิต่างๆ อันกระทบต่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของราชการที่ไม่ถูกต้องตรงกันของแต่ละฝ่าย
ภายหลังจากอ่านแถลงการณ์เสร็จ ทางแกนนำได้มอบหนังสือแถลงการณ์ต่อนายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เพื่อส่งต่อไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป จากนั้นแกนนำได้ประกาศขอให้กลุ่มมวลชนเดินเท้าต่อไปที่สำนักงานเทศบาลนครอุดรธานี ที่อยู่ห่างไปประมาณ 300 เมตร เพื่อมอบดอกไม้ให้กำลังใจนายกเทศมนตรี และคณะผู้บริหาร พนักงานเทศบาล จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้แยกย้ายสลายตัวไป
ทั้งนี้ ขณะที่กลุ่มมวลชนกำลังแยกย้ายไปนั้น กลุ่มมวลชนเสื้อแดง พร้อมด้วยรถติดเครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่ นำโดยนักจัดรายการวิทยุคลื่นชมรมคนรักอุดร 97.5 เมกะเฮิร์ตซ์ เช่น ดีเจเบิร์ด ลูกชายของนายขวัญชัย สาราคำ ดีเจก้อง และดีเจบ่าวเซียงข้อง ได้นำมวลชนเสื้อแดงมาขับไล่กลุ่มคนอุดรรักชาติ โดยมีกำลังตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชนยืนตั้งแถวอยู่กลางถนนไม่ให้ทั้ง 2 กลุ่มปะทะกัน กระทั่งกลุ่มคนอุดรรักชาติได้แยกย้ายกันไปหมด กลุ่มมวลชนเสื้อแดงจึงได้สลายตัว และประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่า ขออย่าให้มีการอนุญาตให้กลุ่มมวลชนดังกล่าวมาชุมนุมอีก หากยังมีอยู่จะได้เจอกันอย่างแน่นอน