ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจสืบสวนภาค 5 รวบชาวพม่าคนส่งยาย่านสันทราย พร้อมยึดยาได้อีกกว่าหมื่นเม็ด หนุ่มพม่าสารภาพทำหน้าที่รับยาไปส่งตามจุดหมาย ได้ค่าจ้างครั้งละ 2 พัน สารภาพไม่รู้จักหน้าตาคนจ้างแค่รอรับคำสั่งให้ไปเอายาจากย่านหางดงก่อนเอามาวางตามเสาไฟฟ้าข้างทางตามนัดหมาย ก่อนมีคนมารับของต่อ
วันนี้ (22 พ.ย.) ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ต.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บังคับการสิบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 แถลงข่าวการจับกุมตัว นายอองจิ่งต๊ะ ลุงมู อายุ 23 ปี สัญชาติพม่า พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 10,380 เม็ด และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า หมายเลขทะเบียน จบม 491 เชียงใหม่
กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม นายอ่องจิ่งต๊ะ ได้ที่ริมถนนบ้านแม่โจ้ ซอย 3 ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากก่อนหน้านี้ ได้ทำการกวาดล้างผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ จับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยได้ข้อมูลว่ารับยาเสพติดมาจากอองจิ่งต๊ะ ซึ่งเป็นชาวพม่า โดยจะมีการส่งมอบยาเสพติดให้แก่เครือข่ายในพื้นที่อำเภอสันทราย จึงได้วางแผนจับกุม และสามารถจับกุมตัวนายอองจิ่งต๊ะ ได้พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 10,000 เม็ด จากนั้นจึงขยายผลเข้าตรวจค้นห้องพักไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 2 ตำบลท่าศาลา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พบยาบ้าซุกซ่อนภายในห้องอีก 380 เม็ด จึงนำตัวนายอองจิ่งต๊ะพร้อมของกลางทั้งหมดมาดำเนินคดี
ทั้งนี้ จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายอองจิ่งต๊ะ ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ขนส่งยาเสพติดดังกล่าวจริง โดยได้รับการว่าจ้างจากชาวพม่าที่ตนไม่เคยเห็นหน้าให้ไปรับยาเสพติด และนำไปส่งตามจุดต่างๆ โดยการส่งยาเสพติดแต่ละครั้งจะได้รับค่าจ้างครั้งละ 2,000 บาท โดยแหล่งที่ไปรับยาเสพติดจะเป็นที่ตลาดหางดง
ส่วนจุดที่จะนำยาไปส่งขึ้นอยู่กับผู้ว่าจ้างจะบอกตำแหน่งมา ซึ่งมักจะเป็นตามเสาไฟฟ้า หรือบริเวณข้างทางต่างๆ จากนั้นจะมีผู้มารับยาเสพติดดังกล่าวไปอีกต่อหนึ่ง พร้อมทั้งเปิดเผยว่าไม่เคยติดต่อกลับไปยังผู้ว่าจ้าง เพราะจะมีการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์บ่อยครั้ง ส่วนเงินค่ายาเสพติดนั้นก็ไม่ได้เก็บกลับมาด้วย เพราะมีหน้าที่เพียงแค่นำยาเสพติดไปส่งเท่านั้น
ขณะที่ พล.ต.ต.ประจวบ เปิดเผยว่า นายอองจิ่งต๊ะ เป็นส่วนหนึ่งของเครือขายผู้ค้ายาเสพติดชาวพม่าที่มีการซื้อขายยาเสพติดภายในกลุ่มคนพม่าด้วยกันเอง ซึ่งหลังจากนี้จะมีการสืบสวน และขยายผลเพื่อติดตามหาผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
