ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - คณะพระสงฆ์วัดหนองตะลุมปุ๊ก อำเภอหนองบุญมาก โคราช ขึ้นโรงพักแจ้งจับเจ้าคณะอำเภอหนองบุญมาก ลุแก่อำนาจสั่งไล่ ออกฎีกาไม่ชอบธรรมไล่พระออกยกวัด เผยดำเนินคดี 2 ข้อหา เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และดูหมิ่นพระสงฆ์ไทย ด้าน ตร.รับแจ้งเร่งรวบรวบพยานหลักฐานดำเนินคดีตาม กม.ต่อไป
เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (20 พ.ย.) ที่ สภ.หนองบุญมาก อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา พระสงฆ์จำพรรษาในวัดหนองตะลุมปุ๊ก ต.หนองไม้ไผ่ อ.หนองบุญมาก นำโดยพระธงชัย ธมมโชโต อายุ 33 ปี พระคงเดช เดชธมโม อายุ 56 ปี พระมงคล จันทะดวง อายุ 32 ปี และคณะ ในฐานะผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.สำราญ ดีมา พนักงานสอบสวน สภ.หนองบุญมาก เพื่อให้ดำเนินคดีกับพระครูวรธรรมทัต เจ้าคณะอำเภอหนองบุญมาก ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและดูหมิ่นพระสงฆ์ไทย
ในกรณีพระครูวรธรรมทัต เจ้าคณะอำเภอหนองบุญมาก ได้มีฎีกาเลขที่ จ.อ.117/2556 ลงวันที่ 12 พ.ย.2556 สั่งให้พระธงชัย พระคงเดช พระมงคล พร้อมคณะ ออกจากวัดกลับภูมิลำเนาเดิม อ้างว่า คณะสงฆ์ที่จำพรรษาในวัดหนองตะลุมปุ๊ก ไม่สามารถชี้ทางถูกผิดให้กับญาติโยม มีแต่จะเพิ่มปริมาณอัตตาเกิดความแตกแยกสามัคคีในหมู่คณะ และชาวบ้านอย่างไม่สิ้นสุด เกิดความเสียหายในวัดหนองตะลุมปุ๊ก และชาวบ้านและการพระพุทธศาสนา โดยไม่มีการสอบข้อเท็จจริง และไม่ดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ทำให้พระธงชัยและคณะไม่ได้รับความเป็นธรรมและได้รับความเสียหาย
ด้าน พ.ต.ท.สำราญ ดีมา พนักงานสอบสวน สภ.หนองบุญมาก ได้รับแจ้งความไว้ดำเนินคดี พร้อมสอบปากคำ พระทั้ง 3 รูปในเบื้องต้นก่อนจะเร่งรวบรวบข้อมูลพยานหลักฐานเสนอผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การเดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนดังกล่าวได้มีประชาชนจากหมู่บ้านหนองตะลุมปุ๊ก และหมู่บ้านหมู่บ้านด่านก่อโจด ต.หนองไม้ไผ่ อ.หนองบุญมาก จำนวนกว่า 20 คนได้เดินทางด้วยรถยนต์มาให้กำลังใจพระสงฆ์วัดหนองตะลุกปุ๊กด้วย
หลังเข้าแจ้งความร้องทุกข์แล้วทาง พ.ต.อ.เชษฐ เชยชุ่ม ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.หนองบุญมาก ได้นิมนต์พระวัดหนองตะลุมปุ๊ก พร้อมกลุ่มชาวบ้านไปเข้าพบกับนายชัยชาญ พูลผล นายอำเภอหนองบุญมาก ที่ประชุมที่ว่าการอำเภอหนองบุญมาก เพื่อไกล่เกลี่ยปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะไม่อยากให้เป็นความขัดแย้งบานปลายไปมากกว่านี้ พร้อมรับปากว่าจะเป็นตัวกลางประสานกับฝ่ายคณะสงฆ์อำเภอหนองบุญมาก และสำนักพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา เพื่อหาทางออกโดยไม่ให้ขุ่นเคืองบาดหมางกัน แต่ยอมรับว่าไม่สามารถชี้นำให้เป็นไปในทางหนึ่งทางใดได้ แต่อย่างไรก็ตามฝ่ายพระสงฆ์ผู้เสียหายยังคงยืนยันจะแจ้งความดำเนินคดีเพื่อความเป็นธรรมต่อไป