xs
xsm
sm
md
lg

พบพระเมาแอ๋อยู่ข้างถนน แต่เจ้าตัวบอกสึกนานแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศรีสะเกษ-พบชายลักษณะคล้ายพระเมาหลับอยู่ข้างถนน เจ้าหน้าที่ตรวจค้นภายในรถยนต์ พบจีวรพระสงฆ์ และเอกสารความเป็นพระอยู่ในรถ ขณะที่เข้าตัวยังปากแข็ง อ้างสึกจากความเป็นพระมานานแล้ว

วันนี้( 20 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างจิตต์ศรีสะเกษธรรมสถาน ได้นำร่างของชายวัยกลางคน ซึ่งมีลักษณะคล้ายพระสงฆ์ โกนคิ้ว โกนศีรษะ อยู่ในอาการเมาสุราอย่างหนัก จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ มามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองศรีสะเกษ เพื่อควบคุมตัวไว้สอบสวน

นายจีระศักดิ์ แก้ววงษา เจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างจิตต์ศรีสะเกษธรรมสถาน กล่าวว่า เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 20 พ.ย. ศูนย์วิทยุกู้ภัยมูลนิธิสว่างจิตต์ศรีสะเกษธรรมสถาน ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบชายลักษณะคล้ายพระสงฆ์ อยู่ในอาการเมาสุราอย่างหนัก นอนหลับอยู่ที่บริเวณพงหญ้า ใกล้กับห้างสรรพสินค้าแม็คโคร สาขาศรีสะเกษ ถ.ศรีสะเกษ - อุบลราชธานี ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ จากนั้น จึงได้เดินไปทางตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบชายคนดังกล่าวนอนอยู่ข้างทางด้วยอาการเมาสุราอย่างหนัก มีกลิ่นสุราคลุ้งทั่วตัว

จากการตรวจสอบภายในรถเก๋งที่ชายคนดังกล่าวขับมา พบว่า มีจีวรพระสงฆ์ และเอกสารเกี่ยวกับการบวช ซึ่งระบุว่า ชายคนดังกล่าวคือ พระจรัส ปนาโท เป็นพระลูกวัดวัดบ้านดินดำ ต.ลิ้นฟ้า อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ หรือชื่อตามบัตรประชาชน คือ นายจรัส แก้วพวง อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 / 1 ต.ลิ้นฟ้า อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ จึงได้นำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการสอบถามพระจรัส หรือนายจรัส แก้วพวง ซึ่งอยู่ในอาการเมาสุราอย่างหนัก กล่าวว่า ตนได้สึกจากการเป็นพระมานานหลายปีแล้ว โดยในวันนี้ (20 พ.ย.) ได้ดื่มสุรา ตั้งแต่เวลา 10.00 น. จากนั้น จะได้เดินทางกลับบ้าน แต่เนื่องจากเมาอย่างหนัก จึงได้จอดรถยนต์ แล้วลงมาอาเจียนข้างทาง แล้วเผลอหลับไป

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากสึกไปแล้ว ทำไมยังโกนคิ้ว และโกนศีรษะ อีกทั้งยังมี จีวรพระสงฆ์อยู่ในรถยนต์อีกด้วย ปรากฏว่า พระจรัส หรือนายจรัส แก้วพวง กลับไม่ตอบคำถาม แล้วก็นอนหลับไป เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้นำตัวพระจรัส หรือนายจรัส แก้วพวง หลังจากหายจากเมาสุราแล้ว มาทำการสอบสวน เพื่อหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต่

กำลังโหลดความคิดเห็น