จับยกชุด! แก๊งโจรกรรมรถเชียงใหม่ตระเวนลัก จยย.ส่งขายพม่า

เชียงใหม่ - นายอำเภอ-ผู้การตำรวจเชียงใหม่นำทีมตำรวจสันทราย แถลงโชว์จับแก๊งโจรกรรมรถจักรยานยนต์ได้ของกลางหลายอื้อ เผยลักรถส่งขายพม่าได้คันละหมื่นกว่าบาท ทำมาแล้วกว่า 40 กว่าครั้ง ตรวจสอบยอดเงินบัญชีผู้ต้องหาพบเงินหมุนเวียนยอดเงิน 5 แสนกว่าบาท

เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (7 พ.ย.) นายณรงค์ศักดิ์ หอมมาลัย นายอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่, พล.ต.ต.กริช กิติลือ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, พ.ต.อ.วีระวุฒิ เนียมน้อย รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, พ.ต.อ.บุญลือ เอี่ยมใย ผกก.สภ.สันทราย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันทราย ชุดสืบสวน และชุด ปจร.สภ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ได้แถลงข่าวที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอสันทราย ถึงผลการจับกุมแก๊งโจรกรรมรถรายใหญ่ ได้ของกลางรถจักรยานยนต์จำนวน 5 คัน รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้าสีบรอนซ์เงินจำนวน 1 คัน เครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 1 ชุด

ส่วนผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ ประกอบด้วย นายอนุชา บุญทราย อายุ 38 ปี, น.ส.ปิยาภรณ์ ศรีหาสุข อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 ม.2 ต.สันทราย อ.พร้าว จ.เชียงใหม่, นายวรัญญู ทวีแสงโสภณ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 185 หมู่ 14 ต.แม่นาวาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และนายแสงวงค์ อินคำ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ 9 ต.แม่สะลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย

พ.ต.อ.บุญลือ เอี่ยมใย ผกก.สภ.สันทราย เปิดเผยว่า หลังเกิดคดีโจรกรรมรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ สภ.สันทรายหลายคดี โดยเฉพาะบริเวณมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำ สภ.สันทรายได้ร่วมกันสืบสวนหาข่าว ประกอบกับข้อมูลกล้องวงจรปิดที่รวบรวมได้เป็นหลักฐานทางคดี จนทราบว่าคนร้าย ซึ่งเป็นชาย 1 คน และหญิง 1 คน ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 สีน้ำเงินขาว คือ นายอนุชา บุญทราย อายุ 38 ปี และ น.ส.ปิยาภรณ์ ศรีหาสุข อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 ม.2 ต.สันทราย อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ โดยนายอนุชาเป็นคนใช้ประแจบิดไขควงแบนเปิดกุญแจรถก่อนขโมยโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที่

และจากการขยายผลทราบว่า นายวรัญญู ทวีแสงโสภณ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 185 หมู่ 14 ต.แม่นาวาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และนายแสงวงค์ อินคำ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ 9 ต.แม่สะลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เป็นผู้รับซื้อ พร้อมตรวจสอบพบยอดเงินหมุนเวียนในบัญชี 614,502 บาท

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขอหมายจับจากศาลจังหวัดเชียงใหม่ ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2556 ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมวางแผนนำรถจักรยานยนต์วางไว้เพื่อให้คนร้ายทำการโจรกรรมไปนั้น พบรถยนต์ต้องสงสัยมี น.ส.ปิยาภรณ์ ขับขี่อยู่ ต่อมาปรากฏนายอนุชา ลงจากรถท่าทางพิรุธ คาดว่าน่าจะตระเวนโจรกรรมรถอยู่ ประกอบกับเป็นผู้มีหมายจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ร่วมกันจับกุมตัวบุคคลทั้งสองไว้

จากการตรวจค้นตัวนายอนุชา พบอุปกรณ์ที่ใช้โจรกรรมรถคือ กุญแจผีแบบหกเหลี่ยมเจียรเป็นกุญแจจำนวน 1 อัน และประแจอีก 1 อัน

สอบสวนนายอนุชา และ น.ส.ปิยาภรณ์ รับสารภาพว่า ได้ตระเวนลักรถจักรยานยนต์ในเขตพื้นที่สันทรายหลายครั้ง จนจำจำนวนไม่ได้ คาดว่าประมาณ 40 คัน หลังการโจรกรรมรถนายอนุชาจะส่งรถไปขายให้นายวรัญญู หรือนายสม ที่ อ.ฝาง เมื่อส่งรถไปประมาณ 1-5 วัน นายวรัญญูก็จะโอนเงินค่ารถเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพของ น.ส.ปิยาภรณ์ ซึ่งราคาซื้อขายรถแต่ละครั้งจะอยู่ที่ราคาประมาณ 16,000-19,000 บาทต่อคัน แล้วแต่ยี่ห้อ รุ่น ปี และสภาพของรถ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการขยายผล วางแผนนำรถจักรยานยนต์ลวงว่าเป็นรถที่ถูกโจรกรรมมา ติดต่อทางโทรศัพท์กับนายวรัญญู หรือนายสม เพื่อส่งรถไปขายให้ โดยนำรถฝากไปกับรถสองแถวสีส้มจาก อ.พร้าว ไปยัง อ.ฝาง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกส่วนหนึ่งวางกำลังซุ่ม และปลอมตัวเป็นคนขับรถสองแถวดูว่าใครจะมารับรถจักรยานยนต์

จนกระทั่งเวลาประมาณ 11.30 น. วันที่ 6 พ.ย. 56 เมื่อรถจักรยานยนต์ลวงเดินทางมาถึงท่ารถ อ.ฝาง พบเห็นนายแสงวงค์ อินคำ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ 9 ต.แม่สะลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นดรีม หมายเลขทะเบียน งยท-236 เชียงใหม่ โดยมีนายวรัญญู หรือนายสม ทวีแสงโสภณ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 185 หมู่ 14 ต.แม่นาวาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ นั่งซ้อนท้าย ทั้งสองได้เข้ามาติดต่อขอรับรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมที่วางกำลังอยู่จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ขอทำการตรวจสอบรถจักรยานยนต์ที่บุคคลทั้งสองขับขี่มา พบว่ารถจักรยานยนต์ดังกล่าวถูกโจรกรรมมาจากเขตพื้นที่ สภ.สันทรายเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา ตรวจสอบพบโทรศัพท์มือถือของนายวรัญญู ที่ใช้ติดต่อซื้อขายรถโจรกรรมกับนายอนุชาด้วย

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ร่วมกันจับกุมตัวบุคคลทั้งสองในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์หรือร่วมกันรับของโจร” ซึ่งในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพ

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการสอบสวนขยายผล จนทราบว่าบุคคลทั้งสองได้ติดต่อซื้อรถจากนายอนุชาจำนวนหลายครั้งจริง โดยจะนำรถจักรยานยนต์ที่ถูกโจรกรรมมาส่งไปขายยังประเทศพม่า ผ่านบริเวณชายแดนไทย-เมียนมาร์ บ้านเทอดไทย (หินแตก) ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย