พิษณุโลก - ตำรวจภาค 6 รวบ 3 โจรย่องเบางัดตู้เซฟกวาดทั้งพระเครื่อง เงินสดเพียบ เผยเลือกบ้านหลังใหญ่ ลงมือช่วงหัวค่ำ ใช้เวลา 4 นาทีเสร็จ ทำมาแล้วกว่า 20 คดี มูลค่าเสียหายกว่า 50 ล้านบาท
วันนี้ (2 พ.ย.) พล.ต.ท.วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผบช.ภ.6 ได้แถลงข่าวที่ สภ.เมืองพิษณุโลก ถึงผลการจับกุม 3 ผู้ต้องหา คือ นายจิรทิปต์ หรือหนุ่ม รอดพงษ์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48/1 หมู่ 12 ต.หัวรอ อ.เมืองพิษณุโลก นายจักรพันธุ์ หรืออั้ม รอดพงษ์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ 6 ต.ท่าหลวง อ.เมืองพิจิตร และนายอดิศักดิ์ หรือเข้ม คงเมือง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 หมู่ 7 ต.ฆะมัง อ.เมืองพิจิตร ก่อคดีตระเวนงัดตู้เซฟ พร้อมของกลาง เช่น พระเครื่อง เงินสด อาวุธปืน และทรัพย์สินของผู้เสียหายจำนวนกว่า 100 รายการ
ผบช.ภ.6 กล่าวว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้ก่อคดีมานานหลายปี จนสืบทราบว่าคนร้ายกลุ่มนี้ มีนายจิรทิปต์ เป็นหัวหน้าแก๊ง ประกอบกับหลักฐานจากกล้องวงจรปิดของผู้เสียหายนำมาใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการจับกุม กระทั่งวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา คนร้ายได้ลงมือก่อเหตุอีกในพื้นที่ อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร ได้ของกลางเป็นพระเครื่อง เครื่องประดับ เงินสด และทรัพย์สินอื่นๆ ทำให้ตำรวจตั้งจุดสกัดจับจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดได้ที่ถนนใกล้ที่ทำการสายตรวจ ต.บางโพธิ์ ต.หอไกร อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร ขณะขับรถยนต์เก๋งฮอนด้าแอคคอร์ด สีดำ ทะเบียน ฌข 8628 กทม.
ผบช.ภ.6 เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาโจรกรรมทรัพย์สินในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 6 กว่า 20 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท เลือกเหยื่อที่บ้านหลังใหญ่ๆ ดูมีฐานะ โดยตระเวนไปเรื่อย ไม่เฉพาะเจาะจงเลือกบ้านหลังใดล่วงหน้า เลือกเวลาลงมือช่วงเวลาเย็น ถึงประมาณ 22.00 น. จะสุ่มปีนเข้าไปก่อน ถ้าไม่พบคนอยู่อาศัยก็จะลงมือด้วยวิธีงัดบ้าน หรือหน้าต่างเข้าไป และทำการงัดลิ้นชัก หรือตู้เซฟขโมยทรัพย์สินไป ผลการตรวจสอบที่เกิดเหตุปรากฏร่องรอยรองเท้ายี่ห้อ NATIVE อยู่ภายในบ้านที่เกิดเหตุจำนวนหลายคดี ซึ่งเป็นรอยเท้าของคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งล่าสุดที่พิจิตร
ซึ่งนายจิรทีปต์ ให้การรับสารภาพว่า ตระเวนลักทรัพย์สินจากเหยื่อมานานหลายปี โดยจะแบ่งหน้าที่กันทำงานงัดตู้เซฟ และใช้เวลาก่อเหตุเพียง 4 นาทีเท่านั้น เมื่อลักทรัพย์สินไปได้ก็จะส่งขายให้แก่ตลาดใต้ดินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้งหมดในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การทำการความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือรับของโจร พร้อมทั้งจะขยายผลหาตัวผู้บงการรายใหญ่ต่อไป