ชาวบ้านใกล้เทือกเขาเริ่มเผชิญอากาศหนาว ขณะที่ “ว่าว” เริ่มขายดี

นครพนม/อุบลราชธานี - ชาวบ้านใต้เทือกเขาภูลังกา จ.นครพนม เริ่มก่อไฟผิงยามเช้า หลังอากาศหนาวเหน็บ ไม่ต่างจากอีกหลายพื้นที่ ส่วนที่อุบลราชธานีลมพัดแรง “ว่าว” กลายเป็นสินค้าขายดีรับลมหนาว

วันนี้ (28 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครพนมว่า ขณะนี้หลายพื้นที่อากาศเริ่มหนาวเย็นลง โดยเฉพาะชาวบ้านใต้เทือกเขาภูลังกาประสบปัญหาอากาศหนาวเหน็บมากกว่าพื้นที่อื่น เนื่องจากเป็นพื้นที่ใต้เชิงเขา ช่วงเช้าต้องก่อไฟผิงแก้หนาว

นายไหว เกษสิมมา อายุ 80 ปี ชาวบ้านรายหนึ่งที่อาศัยอยู่บริเวณเทือกเขาภูลังกา เปิดเผยว่า ช่วงหน้าหนาวชาวบ้านที่นี่จะประสบความหนาวเย็นมากกว่าพื้นที่โปร่ง เพราะอยู่ใต้เชิงเขา อากาศหนาวเหน็บมากกว่า 3 เท่าทั้งกลางวันและกลางคืนเพราะมีป่าไม้มาก โดยชาวบ้านที่นี่ก่อนเข้าหน้าหนาวจะออกเก็บเศษขอนไม้ตายบนเขาไว้ให้มากที่สุด ทั้งนี้เพื่อก่อไฟผิงแก้หนาวในยามเช้าและตอนเย็น นอกจากนี้ยังก่อไฟให้สัตว์เลี้ยงด้วย เช่น วัว ควาย สุนัขในช่วงกลางคืน

ขณะที่ จ.อุบลราชธานีเริ่มมีหมอกปกคลุมในช่วงเช้า โดยนายปริวรรต ชัยวัฒนา ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า อีสานตอนล่างมีความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุม ทำให้อุณหภูมิลดลงและมีหมอกในตอนเช้า โดยตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมถึงต้นพฤศจิกายนจะมีอากาศเย็นและเริ่มมีอากาศหนาวในเดือนธันวาคมเป็นต้นไป

สำหรับวันนี้ (28 ต.ค.) อุณหภูมิเฉลี่ย 17-21 องศาเซลเซียส ส่วนยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิเฉลี่ย 10-14 องศาเซลเซียส และมีฝนเป็นบางแห่ง ส่วนลมตะวันออกเฉียงเหนือมีความเร็ว 15-35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ทั้งนี้ จากสภาพอากาศที่เริ่มหนาวเย็นและมีลมพัดแรง ทำให้มีผู้นำว่าวมาวางจำหน่ายตามริมถนนมากขึ้น โดยผู้ขายระบุว่าตั้งแต่เริ่มมีอากาศเย็นและมีลมแรงสามารถขายว่าวปักเป้าและว่าวจุฬาได้วันละ 2,000-3,000 บาท โดยว่าวที่นิยมเป็นว่าวปักเป้าขนาดเล็กและขนาดกลาง ราคาตั้งแต่ 60-150 บาท ประชาชนซื้อไปให้ลูกหลานเล่นในช่วงที่มีลมแรง