ลมกระโชกแรงทำข้าวนาปีและต้นลำไยที่ปลูกในเมืองจันท์ได้รับความเสียหาย

ศูนย์ข่าวศรีราชา - ลมหนาวพัดผ่านเมืองจันท์ จนทำให้เกิดลมกระโชกแรง ส่งผลข้าวนาปีที่ปลูกในพื้นที่ ต.คลองนารายณ์ และกำลังออกร่วงล้มเอน และเม็ดร่วงหล่นเสียหายกว่า 40 ไร่ ขณะที่เกษตรกรผู้ปลูกลำไย ใน อ.โป่งน้ำร้อน ต้องเร่งทำไม้ค้ำยันป้องกันต้นลำใยโค่นจากแรงลม

วันที่ (16 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจนาข้าวใน ต.คลองนารายณ์ อ.เมือง จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นแหล่งปลูกข้าวนาปีแห่งใหญ่ใจกลางเมืองจันทบุรี หลังได้รับแจ้งจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้เกิดลมกระโชกแรงจนทำให้นาข้าวที่เกษตรกรปลูกไว้ และกำลังออกร่วงจนสามารถเก็บเกี่ยวได้เดือน พ.ย. ล้มเอน และเม็ดข้าวร่วงหล่นเสียหายกว่า 40 ไร่ ทั้งนี้ คาดว่าน่าจะเกิดจากอิทธิพลของลมหนาวที่พัดผ่านเข้ามาในพื้นที่ภาคตะวันออก

นางน้อย หลิบเป้า อายุ 46 ปี เกษตรกรผู้ปลูกข้าวใน ต. คลองนารายณ์ กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ต้นข้าวนาปีล้มเอน และเม็ดข้าวร่วงหล่นเกิดจากแรงลมกระโชกแรง ประกอบกับช่วงนี้ลมหนาวได้พัดผ่านเข้ามาทำให้พื้นที่ปลูกข้าวได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก และในเบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินค่าความเสียหายได้ ซึ่งราคาข้าวในปีนี้มีราคาดีตกเกวียนละ 14,000-15,000 บาท

เช่นเดียวกับ นายมนู บุญมา เกษตรกรผู้ปลูกลำไยใน ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน ที่บอกว่า ตนยึดอาชีพปลูกลำไยขายมานานกว่า 20 ปีแล้ว โดยมีเนื้อที่ปลูกประมาณ 10 ไร่ และมีลำไยประมาณ 300 ต้น ซึ่งลำไยที่ตนเองปลูกเป็นลำไยสายพันธุ์อีดอ ซึ่งนิยมปลูกกันมากใน อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี แต่ในช่วงฤดูหนาวมักมีปัญหาน้ำค้างลงหนัก ทำให้ดอกลำไยเป็นโรคดอกดำ

ประกอบกับในช่วงนี้ จ.จันทบุรี เกิดลมแรงเพราะเข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้ต้นลำไยที่ปลูกไว้ และกำลังออกดอกต้องร่วงหล่นเสียหาย และล้มเอนเป็นจำนวนมาก

ตนจึงหาทางป้องกันต้นลำไยไม่ให้เกิดความเสียหาย ด้วยการพ่นยาติดดอก หรือที่เรียกว่า การฉีดพ่นฮอร์โมน ป้องกันน้ำค้างที่ตกลงบนดอก นอกจากนั้น ยังใช้เชือกฟางยึดดึงลำต้นไม่ให้เอน ด้วยการนำไม้ไผ่มาตัดเป็นท่อนๆ โดยที่ปลายไม้ไผ่ด้ามหนึ่งตัดให้เป็นปากร่องเพื่อใช้สำหรับค้ำกิ่งต้นลำไย ซึ่งวิธีการดังกล่าวทำให้สามารถกันลมแรงได้ผลดี นอกจากนี้ ดอกลำไยก็เสียหายน้อยลงอีกด้วย