ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯ มอบเงินค่าตอบแทนญาติเหยื่อฆาตกรรมโหด 2 ราย ที่โคราช กรณีถูกฆ่าปาดคอโชเฟอร์รถบรรทุกน้ำมัน และฆ่าข่มขืนเด็กหญิง 14 ปี รายละ 1 แสนบาท ชี้มี กม.ช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมมานาน 12 ปี ได้งบฯ ปีละ 200 ล้าน แต่ ปชช.ส่วนใหญ่ไม่ทราบทำให้เสียสิทธิไม่ได้รับเงิน เผยจับมือ สตช.เพื่อให้การช่วยเหลือตรงกลุ่มเป้าหมาย
วันนี้ (15 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ถ.สรรพสิทธิ์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางมามอบเงินค่าตอบแทนให้แก่ญาติผู้เสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรม ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 ตามมาตรา 17 และ 18 โดยมี พล.ต.ท.ธีระศักดิ์ กลิ่นพงษา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) และ พล.ต.ต.พงษ์เดช พรหมมิจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา ร่วมเป็นสักขีพยาน
ทั้งนี้ มีครอบครัวผู้เสียหายที่ได้รับเงินตอบแทนจำนวน 2 ราย ได้แก่ 1.นายหนู ปวงขุนทด และ นางประนอม ปวงขุนทด บิดาของเด็กหญิงอายุ 14 ปี ซึ่งถูกข่มขืน และฆ่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่กระท่อมกลางไร่ข้าวโพด ภายในหมู่บ้านวังรางน้อย หมู่ที่ 9 ต.มะเกลือเก่า อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นเยาวชน อายุ 14 ปี และ 16 ปี จำนวน 2 คนได้ ต่างให้การรับสารภาพ
2.นางบุญเรือน หาดดำ และนายเทิดศักดิ์ หาดดำ ภรรยา และบุตรของ นายรักชัย หาดดำ กรณี นายรักชัย หาดดำ คนขับรถบรรทุกน้ำมัน ถูกนายสุนทร วิเศษเสาร์ ฆ่าปาดคอชิงทรัพย์น้ำมัน รวมเป็นเงิน 75,000 บาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 ต.ค.2556 ที่ถนนสาย 304 (กบินทร์บุรี-ปักธงชัย) ระหว่าง กม.98-99 หมู่ 11 ต.งิ้ว อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยได้รับเงินค่าตอบแทนรายละ 100,000 บาท
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้รับการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินปีละประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อให้การช่วยเหลือผู้เสียหายในคดีอาญา ตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 มาตรา 17 และ 18 ซึ่งมีสาระสำคัญในการมุ่งดูแลผู้ที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมทั้งถูกยิง ถูกแทง ถูกฆ่า ถูกข่มขืน เป็นผู้เสียหายในคดีอาญา หากเสียชีวิตทายาทก็จะได้รับเงินประมาณ 100,000 บาท แต่หากบาดเจ็บจะได้รับเป็นค่ารักษาพยาบาล โดยมีเงื่อนไขว่าต้องยื่นคำร้องหลังจากเหตุเกิดภายใน 1 ปี และไม่มีส่วนในการกระทำความผิด
“สำหรับโครงการดังกล่าวนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมมือกับกรมคุ้มครองสิทธิฯ ในการมีบันทึกข้อตกลง และได้ประสานความร่วมมือกันมาโดยตลอด วันนี้ ทางกรมฯ จึงเดินทางมอบเงินเป็นการล่วงหน้าให้แก่เหยื่อทั้ง 2 ราย ซึ่งมีฐานะค่อนข้างยากจน” พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าว
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า กฎหมายดังกล่าวมีมานานกว่า 12 ปี แต่ประชาชนโดยทั่วไปไม่ค่อยทราบจึงไม่ค่อยมีผู้มายื่นคำร้องขอรับการช่วยเหลือมากนัก จากสถิติเฉลี่ย 5 ปี มีผู้ยื่นขอรับการช่วยเหลือ และได้รับเงินตาม พ.ร.บ. ดังกล่าวแค่ 18% หมายความว่าประชากรอีก 72% คือไม่รู้เรื่องนี้เลย และไม่ได้ยื่นเรื่องเข้ามาทำให้เสียสิทธิไป
สำหรับประชาชนผู้เสียหายสามารถติดต่อขอรับการช่วยเหลือตามกฎหมายดังกล่าวได้ที่ สำนักงานยุติธรรมจังหวัด ส่วนที่กรุงเทพฯ ติดต่อได้ที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ โดยสามารถนำหลักฐานสำคัญเป็นบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ใบมรณบัตรคดีถึงแก่ความตาย ใบเสร็จ ใบรับรองแพทย์ ค่ารักษาพยาบาล หลักฐานบันทึกประจำวันจากทางตำรวจว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะกฎหมายนี้จะไม่จ่ายเงินกรณีที่ผู้ขอรับเงินมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด
