บุรีรัมย์ - น้ำล้นจากเขื่อนลำแชะ โคราช และน้ำป่าเทือกเขาป่าดงใหญ่ไหลมาสมทบลงลำน้ำมาศ เอ่อล้นตลิ่งหลากเข้าท่วม 2 ตำบล อ.ชำนิ บุรีรัมย์ บ้านเรือน ยุ้งข้าวกว่า 200 หลัง จมบาดาล สูงตั้งแต่ 80 ซม.-2 เมตร จนท.เร่งอพยพคนชรา ผู้พิการ ผู้ป่วยออกจากพื้นที่ไว้จุดปลอดภัย รวมทั้งระดมขนย้ายข้าวในยุ้งหนีน้ำจ้าละหวั่น
วันนี้ (10 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มวลน้ำจากอ่างเก็บน้ำลำแชะ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา และน้ำป่าจากเทือกในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ที่ไหลมาสมทบลงลำน้ำมาศ ได้เอ่อล้นตลิ่งหลากเข้าท่วม 2 ตำบล ในพื้นที่ อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ มีบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ 4 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านหมวดหมู ม. 6 บ้านละลวด ม.3 ต.ละลวด และ ม.5 ม.7 ต.ช่อผกา ถูกน้ำท่วมเกือบ 200 หลังคาเรือน รวมทั้งยุ้งฉางข้าวของชาวบ้านจมน้ำอีกกว่า 40 หลัง โดยระดับน้ำท่วมสูงตั้งแต่ 50 เซนติเมตร ไปจนถึง 2 เมตร จนบางครัวเรือนไม่สามารถอาศัยอยู่ในบ้านได้
ทางอำเภอชำนิ ต้องประสานกำลังทหารจากจังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่ อบต. อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) และชาวบ้านกว่า 50 คน เร่งอพยพคนชรา ผู้พิการ และผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ไปพักอาศัยตามบ้านญาติพี่น้อง และตามเต็นท์บนที่สูงที่ทางราชการจัดเตรียมไว้ ซึ่งขณะนี้ที่ต้องอพยพออกจากบ้านแล้วกว่า 10 หลังคาเรือน ส่วนที่เหลือต้องอาศัยอยู่บนชั้น 2 ของบ้าน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ช่วยกันขนย้ายข้าวเปลือกในยุ้งฉางไปไว้บนที่สูงเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกน้ำท่วมเน่าเสียหายด้วย เพราะข้าวดังกล่าวเกษตรกรเก็บไว้บริโภค และมีสำนักสงฆ์ที่มีพระสงฆ์อยู่กว่า 20 รูป ถูกน้ำท่วมล้อมรอบสูงเกือบ 2 เมตร ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกด้วย ขณะที่ชาวบ้านบ้านหมวดหมู ไม่สามารถใช้รถสัญจรเข้า-ออกหมู่บ้านได้ เนื่องจากถนนถูกน้ำท่วมสูงด้วยเช่นกัน
จากกรณีดังกล่าว ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบุรีรัมย์ ได้นำเรือมาไว้ให้บริการชาวบ้าน จำนวน 4 ลำ และทหารนำรถบรรทุกมาให้บริการรับส่งชาวบ้านเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว
ด้าน นางสุพิน สวัสดี อายุ 42 ปี ชาวบ้านบ้านหมวดหมู ต.ละลวด อ.ชำนิ บอกว่า น้ำจากลำน้ำมาศได้เอ่อล้นตลิ่งหลากเข้าท่วมหมู่บ้านแล้ว 3 วัน แต่ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าวันนี้ระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้จะนำกระสอบทรายมาปิดกั้นทางเข้าออกตัวบ้านแล้ว แต่ไม่สามารถป้องกันได้น้ำยังทะลักเข้าตัวบ้านเรือนจนอาศัยอยู่ไม่ได้ ทำให้ต้องย้ายพ่อและแม่ที่สูงอายุออกไปอยู่บ้านญาติชั่วคราว ส่วนตน และลูกยังต้องอาศัยอยู่บนชั้น 2 ของบ้าน เพราะเป็นห่วงทรัพย์สิน
ขณะที่ทรัพย์สิน และข้าวของภายในบ้านบางอย่างไม่สามารถขนย้ายได้ทัน ต้องปล่อยจมน้ำเสียหาย แต่สิ่งที่ชาวบ้านต้องการมากที่สุดขณะนี้คือ รองเท้าบูตกันน้ำ และยารักษาโรค เพราะต้องเดินลุยน้ำเข้าออกบ้านทุกวันทำให้เสี่ยงโรคน้ำกัดเท้า และโรคที่มากับน้ำ นางสุพินกล่าว
