บุรีรัมย์ - รอง ผบก.บุรีรัมย์รุดสอบแรงงานลาวที่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุรถชนต้นไม้ตายหมู่ 19 ศพ เพื่อเร่งขยายผลเอาผิดขบวนการค้าแรงงานข้ามชาติหลังพบพิรุธหลายอย่าง ทั้งการใช้ใบขับขี่ของผู้อื่น การขับรถเลี่ยงเส้นทางหลัก ขณะยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดพุ่งเป็น 19 ราย พร้อมสั่งทุกพื้นที่ตรวจเข้มรถต้องสงสัยบรรทุกผู้โดยสารจำนวนมาก
วันนี้ ( 8 ต.ค.) ที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ พ.ต.อ.วิรัตน์ ถาดทอง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (รอง ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ พร้อมพนักงานสอบสวน สภ.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ได้เข้าสอบปากคำ นายพู เหลี่ยมวงรัด หนึ่งในแรงงานชาวลาว ภูมิลำเนาอยู่ที่แขวงสาละวัน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ที่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุ รถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สี่ประตู สีเทา ทะเบียน กต - 3817 อุบลราชธานี เสียหลักพุ่งชนต้นไม้ข้างทาง บนถนนสายบุรีรัมย์-สตึก บริเวณ บ.โนนสวรรค์ ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก รวม 19 ราย เป็นหญิง 11 ชาย 8 ราย และ บาดเจ็บ 7 ราย ในจำนวนนี้อาการยังสาหัส 6 ราย จากที่นั่งมาทั้งหมด 26 คน เกิดเหตุเช้าวานนี้ ( 7 ต.ค.)
พร้อมกันนี้ยังได้สอบปากคำญาติชาวลาวที่มาติดต่อขอรับศพที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ แล้ว 1 ราย และสอบปากคำ เจ้าของรถกระบะคันเกิดเหตุ ที่ นายสุวพรชัย พันธ์จันทร์ อายุ 27 ปี ชาว อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี เป็นคนขับและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ แต่ชื่อในใบขับขี่ที่ผู้ตายพกติดตัวมาด้วย เป็นชื่อของนายถาวรคำ อายุ 24 ปี ชาว อ.เขมราษฎร์ จ.อุบลราชธานี
พ.ต.อ.วิรัตน์ กล่าวว่า จากการสอบสวนและดูพฤติการณ์พบพิรุธหลายอย่าง ทั้งการใช้ใบขับขี่ของผู้อื่น การขับรถเลี่ยงเส้นทางหลัก เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับของเจ้าหน้าที่ จึงเชื่อได้ว่าน่าจะเป็นขบวนการค้าแรงงานข้ามชาติ ดังนั้นจะได้นำข้อมูลไปขยายผลสาวถึงนายหน้า ผู้ว่าจ้าง และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมาย หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง
จากการสอบสวน นายพู แรงงานชาวลาวที่รอดตายจากอุบัติเหตุ ให้ข้อมูลว่าก่อนข้ามมายังฝั่งไทยต้องเสียค่านายหน้าให้ชาวลาวจำนวน 2,300 บาท จากนั้นจะมีนายหน้าจากฝั่งไทยไปรับ เพื่อนำไปส่งทำงานตามสถานที่ต่างๆ อีกทอดหนึ่ง
“ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวน เพื่อหาข้อเท็จจริงของขบวนการดังกล่าวอย่างเร่งด่วน พร้อมได้สั่งการทุกท้องที่ในเขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ได้คุมเข้มกับรถต้องสงสัยที่บรรทุกผู้โดยสารเป็นจำนวนมาก โดยให้ตรวจสอบอย่างเข้มงวดเพิ่มขึ้น” พ.ต.อ.วิรัตน์ กล่าว