บุรีรัมย์ - คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดบุกยิงเครือข่ายและเป็นลูกหนี้เงินกู้รายวันค้างจ่าย 3 นัดภายในบ้านอย่างโหดเหี้ยมข้างบ้าน ส.จ.ดัง ขณะอยู่กับลูกสาววัย 5 ขวบ อาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน ก่อนหลบหนี ตร.เร่งไล่ล่า
วันนี้ (18 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา พ.ต.ท.ปรีชา อรัญญิก รองผู้กำกับการ (รอง ผกก.) สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนบุกยิงชาวบ้านที่บ้านโกรกขี้หนู เขตเทศบาลเมืองชุมเห็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ อาการสาหัส จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยกำลังตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน
ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านเลขที่ 138 หมู่ที่ 12 บ้านโกรกขี้หนู เขตเทศบาลตำบลชุมเห็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ข้างบ้าน ส.อบจ.บุรีรัมย์ พบ นางวรรณา จันทพิลา อายุ 31 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด เข้าที่บริเวณแขนซ้าย 2 นัด หน้าอกด้านขวาอีก 1 นัด กระสุนฝังในอาการสาหัส นอนจมกองเลือดอยู่ภายในบ้าน ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุหลบหนีไปท่ามกลางความมืด
จากนั้นผู้ใหญ่บ้านพร้อมชาวบ้านและญาติของนางวรรณาได้ช่วยกันนำนางวรรณาส่งโรงพยาบาลบุรีรัมย์เพื่อให้แพทย์ช่วยชีวิต แต่ทางโรงพยาบาลเครื่องมือไม่พร้อม จึงได้ส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา อย่างเร่งด่วน เบื้องต้นนางวรรณาอาการสาหัส ยังไม่รู้สึกตัวเป็นตายเท่ากัน
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเชื่อว่าคนร้ายที่มาก่อเหตุในครั้งนี้มีอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2 คน และได้เปิดหน้าต่างบ้าน ก่อนใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดกระหน่ำยิงใส่นางวรรณา ขณะอยู่กับลูกสาววัย 5 ขวบ จำนวน 3 นัด ส่วน นายประสาท จันทพิลา สามีกับลูกสาวคนโตไม่อยู่ ไปทำธุระที่บ้านย่าในหมู่บ้านเดียวกัน
จากการสอบสวน นางพลอย ติงสะ อายุ 51 ปี แม่ของนางวรรณา เหยื่อกระสุน เล่าว่า เมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมานางวรรณา ลูกสาว ได้กู้เงินจากแก๊งเงินกู้รายวันมาก้อนหนึ่งเพื่อนำมาปล่อยกู้ให้ชาวบ้านทั้งในหมู่บ้านและหมู่บ้านข้างเคียง แต่ไม่สามารถเก็บทั้งเงินต้นและดอกส่งคืนให้แก๊งเงินกู้ได้ตามกำหนด พร้อมกันนี้นางวรรณายังได้กู้เงินมาใช้ส่วนตัวอีกจำนวนหนึ่งด้วย ทำให้แก๊งเงินกู้ดังกล่าวมาทวงหนี้ทั้งถูกข่มขู่เอาชีวิตหลายครั้ง
จนมาวันนี้ลูกสาวได้ถูกลอบยิง จึงเชื่อว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นแก๊งทวงหนี้เงินกู้อย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาลูกสาวไม่เคยมีศัตรูหรือมีปากเสียงบาดหมางกับใครมาก่อน
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานไปยัง สภ.ใกล้เคียง พร้อมกระจายกำลังออกสกัดตามเส้นทางต่างๆ ที่คาดว่าคนร้ายจะใช้เป็นเส้นทางหลบหนี เพื่อเร่งจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุอย่างอุกอาจโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย มาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร่งด่วนแล้ว