ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ม็อบข้าวโพดแม่แจ่มบุกศาลากลางเชียงใหม่รอบสองร้องรัฐเร่งช่วยรับซื้อ จี้รัฐยกเว้นกฎต้องมีเอกสารสิทธิ เหตุเกษตรกรส่วนใหญ่ไม่มี กับขอราคาขั้นต่ำ 8 บาทต่อ กก. ผู้ว่าฯ รับชงเรื่องแก้ปัญหาเร่งด่วน แกนนำเผยชาวบ้านทำกินมานาน ไม่ได้รุกป่าเพิ่ม แต่ไม่มีเอกสารสิทธิทำเสียโอกาส ราคาตลาดต่ำมากอยู่ไม่ไหว ยัน 24 ก.ย.ไม่มีคำตอบเตรียมมารอบสาม คราวนี้ชุมนุมยืดเยื้อ
กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดจากอำเภอแม่แจ่มเดินทางมายังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ในวันนี้ (17 ก.ย.) เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด เรียกร้องให้ภาครัฐเร่งให้การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดในอำเภอแม่แจ่ม ซึ่งประสบปัญหาราคาข้าวโพดตกต่ำ และไม่อยู่ในข่ายที่จะได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่เพาะปลูกในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ
กลุ่มเกษตรกรในนามเครือข่ายข้าวโพดอำเภอแม่แจ่มประมาณ 300 คน ได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีข้อเสนอรวม 4 ข้อ ประกอบด้วย 1. ขอให้ภาครัฐช่วยซื้อข้าวโพดในราคาประกันเหมือนกับแหล่งอื่นๆ โดยมิให้มีการจำกัดพื้นที่ว่ามีเอกสารสิทธิหรือไม่ เนื่องจากเกษตรกรทำการเกษตรมาอย่างต่อเนื่อง 2. ขอให้ภาครัฐตั้งจุดรับซื้อหลายๆ จุดในพื้นที่อำเภอแม่แจ่มเพื่อเป็นการกระจายการจำหน่ายข้าวโพดอย่างทั่วถึง 3. ขอให้ภาครัฐรับซื้อข้าวโพดของเกษตรกรรายละ 30 ตัน และ 4. ขอให้ภาครัฐตั้งจุดรับซื้อในพื้นที่อำเภอแม่แจ่มตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2556 ถึง 28 ก.พ. 2557 ในราคากิโลกรัมละ 8 บาท ที่ความชื้น 30% และราคากิโลกรัมละ 10 บาท ที่ความชื้น 14.5%
ทั้งนี้ กลุ่มเกษตรกรระบุว่าจะรอรับฟังคำตอบภายในวันที่ 24 ก.ย. หากครบกำหนดแล้วยังไม่มีมาตรการช่วยเหลือที่ชัดเจน ทางกลุ่มเกษตรกรอำเภอแม่แจ่มก็จะยกระดับการเรียกร้องขึ้นต่อไป
ด้านนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งมารับหนังสือด้วยตัวเองกล่าวกับกลุ่มเกษตรกรว่า จะนำข้อเสนอของเกษตรกรเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร่งด่วน พร้อมทั้งจะเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ให้พิจารณาให้ความช่วยเกลือเกษตรกรในอำเภอแม่แจ่ม โดยไม่ต้องพิจารณาเรื่องเอกสารสิทธิ โดยให้พิจารณาจากปริมาณผลผลิตที่ได้เป็นหลักแทน เนื่องจากได้ตรวจสอบแล้วว่าชาวอำเภอแม่แจ่มมีการเพาะปลูกตามกติกา และไม่ได้ทำการบุกรุกป่าเพิ่ม
ขณะเดียวกันได้ทราบข้อมูลจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดแล้วว่ามีเอกชนสนใจจะเข้ามาตั้งจุดรับซื้อข้าวโพดในอำเภอแม่แจ่มรวม 29 ราย ซึ่งหลังจากนี้จะได้ดำเนินการพิจารณาหารายที่มีความเหมาะสมเพื่อดำเนินการจัดตั้งจุดรับซื้อในพื้นที่ต่อไป โดยจะเร่งพิจารณาข้อเสนอทั้งหมดของกลุ่มเกษตรกร เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือ และจะแจ้งผ่านนายอำเภอแม่แจ่มถึงความคืบหน้าและมาตรการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรได้รับทราบ พร้อมทั้งจะประสานไปยัง ส.ส.เชียงใหม่เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลืออีกทางหนึ่งด้วย
นายอุทัย บุญเทียม ประธานเครือข่ายข้าวโพดอำเภอแม่แจ่ม กล่าวว่า การเดินทางมาชุมนุมวันนี้เป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยมาร้องเรียนไปแล้วเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งหากหลังจากนี้ทางภาครัฐยังไม่มีมาตรการแก้ไข หรือให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มเกษตรกรก็จะเดินทางมาชุมนุมอีกครั้งที่ศาลากลางจังหวัดแน่นอน โดยจะเป็นการชุมนุมปักหลักยืดเยื้อ ผู้ร่วมชุมนุมไม่ต่ำกว่า 5,000 คน
นายอุทัยกล่าวต่อไปว่า ประเด็กหลักที่กลุ่มเกษตรกรอำเภอแม่แจ่มต้องการให้ภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหา ได้แก่ กรณีการรับซื้อผลผลิตเฉพาะพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ และราคาผลผลิตที่ต่ำกว่าต้นทุน โดยกรณีเอกสารสิทธินั้นเกษตรกรส่วนใหญ่ของอำเภอแม่แจ่มเพาะปลูกในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ แม้ว่าจะเป็นการทำกินในพื้นที่มานานแล้ว และไม่ได้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติมก็ตาม
โดยเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับเครือข่ายข้าวโพดอำเภอแม่แจ่ม 7,984 ราย มีเอกสารสิทธิเพียง 281 รายเท่านั้น ซึ่งหากรัฐใช้กฎเกณฑ์ดังกล่าวในการพิจารณารับซื้อผลผลิตจะทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่ได้รับการช่วยเหลือ
ส่วนกรณีราคาผลผลิตนั้น ราคาที่กลุ่มเกษตรกรได้คำนวณจากต้นทุนการผลิตทั้งหมดแล้วอยู่ที่กิโลกรัมละ 8 บาท ที่ความชื้น 30% และกิโลกรัมละ 10 บาท ที่ความชื้น 14.5% แต่ในปัจจุบันราคาในท้องตลาดอยู่ที่กิโลกรัมละ 3-4 บาท ที่ความชื้น 15% และกิโลกรัมละ 7.30 บาท ที่ความชื้น 14.5% ต่ำกว่าที่เกษตรกรจะอยู่ได้ หากไม่มีการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เมื่อผลผลิตข้าวโพดจากพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด 132,616 ไร่ คาดว่าประมาณ 950,000 ตันจะออกสู่ตลาดในช่วงปลายเดือน ก.ย.นี้ จะส่งผลให้สถานการณ์รุนแรงยิ่งขึ้น