หนุ่ม กศน.ศรีสะเกษ นั่งดวดเหล้าผูกคอตายใต้ต้นมะม่วงหิมพานต์

ศรีสะเกษ - หนุ่ม กศน.ศรีสะเกษ นั่งดวดเหล้าเกลี้ยง 2 ขวด ก่อนผูกคอตายใต้ต้นมะม่วงหิมพานต์ ญาติเผยมีอาการทางสมอง แต่อ้างอาการดีขึ้นไม่ไปพบแพทย์ตามกำหนด คาดขาดกินยา และดื่มสุราทำให้อาการกำเริบคิดสิ้นผูกคอตาย

เมื่อเวลา 07.30 น. วันนี้ (14 ก.ย.) ร.ต.อ.อรรณพ มณีวงษ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้รับแจ้งเหตุมีคนผูกคอตายใต้ต้นมะม่วงหิมพานต์ ที่บริเวณป่าหนองปลาซวย ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมอาสาสมัครมูลนิธิสว่างจิตต์ศรีสะเกษธรรมสถาน และแพทย์เวรชันสูตรโรงพยาบาลศรีสะเกษ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อภายหลัง คือ นายนฤเบศ สมาน อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 274/5 ม.8 ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ สภาพศพผิวเหลืองซีด สวมเสื้อแขนยาวสีน้ำเงิน กางเกงยีนสีดำ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร พบขวดสุราหงส์ทอง 2 ขวด โซดา 8 ขวด บุหรี่กรองทิพย์ 1 ซอง และไฟแช็กจำนวน 1 อัน ซึ่งเป็นของผู้ตาย

จากการสอบถาม นางมยุรี แม่ของผู้ตายทราบว่า ผู้ตายทำงานอยู่กับพี่สาวที่ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ และกำลังศึกษาอยู่ที่สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จ.ศรีสะเกษ (กศน.) ในระดับมัยธมศึกษาปีที่ 6 ก่อนเกิดเหตุเมื่อวานนี้ (13 ก.ย.) ผู้ตายได้เดินทางกลับมาบ้านเพราะจะต้องกลับมาสอบวัดความรู้ หลังจากนั้นได้ออกไปทำธุระข้างนอกซึ่งไม่ทราบว่าไปไหน

จนกระทั่งในช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. ได้โทรศัพท์ติดต่อกับลูกชาย โดยในครั้งแรกสามารถติดต่อได้บอกว่า กำลังกินเนื้อย่างเกาหลีกับเพื่อนเสร็จแล้วจะกลับบ้านกระทั่งเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาจึงได้โทรศัพท์ติดต่อไปอีก แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จนเวลาประมาณ 06.00 น. ของวันนี้ (14 ก.ย.) ได้มีคนโทรศัพท์มาแจ้ว่าพบลูกชายผูกคอตายอยู่ที่บริเวณดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการสอบถามญาติของผู้ตายทราบว่า ผู้ตายมีอาการทางสมอง สติไม่สมประกอบ และพักหลังไม่ได้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลศรีมหาโพธิ์ จ.อุบลราชธานี ตามกำหนดเพราะผู้ตายอ้างว่าอาการดีขึ้น

สาเหตุของการผูกคอตายในครั้งนี้อาจเป็นเพราะผู้ตายขาดการกินยา และดื่มสุรา ส่งผลให้เกิดอาการประสาทหลอน และคิดสั้นได้ ซึ่งทางญาติไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และมอบศพให้ญาติไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป