วันนี้ (12 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช หมู่ที่ 9 ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา พ.ต.อ.ประกร เสริมสุวรรณ รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3
พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประสงค์ เรืองเดช ผู้กำกับการ (ผกก.) หน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรภาค 3 พ.ต.อ.พลอย พิมพิสาร ผกก.สืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 และนายทักษิณ อาชวาคม ผู้อำนวยการสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช ร่วมกันปล่อยแถวกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการกว่า 100 นาย ตามโครงการการลาดตระเวนป้องกันปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เพื่อกวดขันจับกุมแก๊งลักลอบตัดไม้พะยูงในเขตพื้นที่ป่าทับลาน
ทั้งนี้ ได้แบ่งเจ้าหน้าที่เป็น 4 ชุด ออกเดินเท้าลาดตระเวนภายในป่าโดยทางเท้า และทางอากาศด้วยเฮลิคอปเตอร์ จากหน่วยบินสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)
พ.ต.อ.ประกร เสริมสุวรรณ รอง ผบก.สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 เปิดเผยว่า จากการสืบสวนพบว่า ปัจจุบันยังมีการลักลอบล่าสัตว์ ตัดไม้อยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งขบวนการลักลอบตัดไม้พะยูงที่มีราคาแพงนั้นมีกลุ่มนายทุนอยู่เบื้องหลัง ทำให้มีกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่เข้าร่วมขบวนการเป็นจำนวนมากเนื่องจากได้ค่าตอบแทนสูง
ด้าน นายทักษิณ อาชวาคม ผอ.สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช กล่าวว่า สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2510 มีเนื้อที่ประมาณ 50,000 ไร่ ในปี พ.ศ.2519 ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นแหล่งสงวนชีวมณฑลแห่งหนึ่งของโลก ในแต่ละปีมีนักศึกษาจากสถานศึกษาทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศเข้ามาศึกษาเป็นจำนวนมาก
ขณะเดียวกัน พบว่ามีไม้พะยูงอยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบอยู่จำนวนมาก และพบว่าพื้นที่บางส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติทับลาน มีกลุ่มประชาชนลักลอบตัดไม้ให้แก่นายทุนในหลายจุด ฉะนั้นเพื่อเป็นการป้องปรามจึงได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 3 ปฏิบัติการลาดตระเวนแบบปูพรมทั้งภาคพื้นดิน และอากาศเพื่อกวาดล้างจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายในครั้งนี้
จากการสนธิกำลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตรวจพบไม้พะยูงขนาดใหญ่ถูกตัดเรียงไว้ตามเส้นทางลำเลียง จำนวน 23 ท่อน อยู่ห่างจากอ่างเก็บน้ำท้ายห้วยลำเพียกขึ้นไปบนภูเขาประมาณ 2 กิโลเมตร ในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน พื้นที่ ต.ลำเพียก อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา พร้อมพบล้อรถเข็นซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการลำเลียงไม้พะยูง จำนวน 18 คู่ จากการตรวจสอบไม้พะยูงคาดว่าแต่ละท่อนมีมูลค่ากว่า 2 แสนบาท รวมกว่า 5 ล้านบาท ส่วนแก๊งลักลอบตัดไม้พะยูงไหวตัวทันหลบหนีไปได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดไม้ทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบพื้นที่บริเวณดังกล่าวพบมีร่องรอยเส้นทางลำเลียงไม้พะยูงเป็นทางยาว คาดว่าใช้เป็นเส้นทางหลักในการขนย้ายต้นไม้พะยูงออกจากป่ามาเป็นเวลานาน รวมมากกว่า 100 เที่ยว
จากการตรวจพบอุปกรณ์ที่ใช้ลำเลียง คือ ล้อรถเข็นมากถึง 18 คู่ นั้นต้องมีกำลังคนเข้าร่วมขบวนการนี้อย่างน้อย 36 คน เนื่องจากแต่ละคู่ต้องมีคนคอยควบคุมการเข็นไม้ออกจากพื้นที่อย่างน้อย 2 คน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงที่รวมตัวกันรับจ้างนายทุนใหญ่ เข้ามาลักลอกตัด และขนย้ายไม้พะยูงออกจากป่าดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนเพื่อติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการลักลอบตัดไม้พะยูงทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป