ประจวบคีรีขันธ์ - ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ติดตามทีมพนักงานสืบสวนสอบสวนให้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องกรณีการปิดถนนพชรเกษมประท้วงที่ประจวบฯ จนมีผู้บาดเจ็บ และการทุบเผารถยนต์สื่อมวลชน ให้สรุปสำนวนให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน ล่าสุด ตำรวจเตรียมออกหมายจับผู้กระทำความผิดไว้แล้ว 10 ราย
วันนี้ (9 ก.ย.) ที่ห้องประชุมสถานีตำรวจภูธรปราณบุรี อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมทีมกฏหมาย พล.ต.ต.วิชัย รัตนยศ พล.ต.ต.ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ และ พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ซึ่งได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางมาประชุมเร่งรัดพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อออกหมายจับดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดกฎหมายในการชุมนุมประท้วงเพื่อเรียกร้องปัญหาราคายางพาราตกต่ำ จนนำไปสู่การปิดถนนเพชรเกษม และการทุบเผาทำลายรถยนต์สื่อมวลชน รถตำรวจ และทุบรถยนต์ส่วนตัวของตำรวจภูธรราชบุรี ขโมยอาวุธปืนพกสั้นไป 1 กระบอกไปด้วย
โดยมี พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ นพแก้ว รองผู้บังคับการตำรวจภูธจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมทีมพนักงานสอบสวนกว่า 30 นาย ตลอดจนตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เข้าร่วมรับฟัง และรายงานผลความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวน ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ไปยังผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และได้นำภาพวิดีโอภาพเหตุการณ์ และภาพนิ่งในวันชุมนุมที่มีการปะทะกันที่บริเวณหน้าหน่วยบริการประชาชนบ้านธรรมรัตน์ ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 412-413 หมู่ 5 ต.ทองมงคล อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุม และตำรวจ อส.มาดู
พล.ต.ต.ฐเนษฐ กล่าวรายงานในที่ประชุมว่า ทางตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนของกฎหมาย ก่อนมีการผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมออกจากพื้นผิวถนน
ทั้งนี้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้พนักงานสืบสวนสอบสวนทุกทีมตรวจสอบหาข้อมูลรายละเอียดผู้ที่อยู่ในภาพทั้งหมดว่ามีความผิดเกี่ยวกับเกี่ยวกับเรื่องใดบ้าง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานมาพิจารณาประกอบสำนวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รวมไปถึงกรณีการเผาทุบทำลายรถยนต์ของผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ ทีวีช่อง 3 สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เนื่องจากเป็นการคุกคามสื่อมวลชน โดยทาง ผบ.ตร.รู้สึกเป็นห่วงให้พนักงานสอบสวนแบ่งทีมออกไปสอบปากคำสื่อมวลชน และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยไม่ต้องรอมาให้ปากคำที่โรงพัก ให้ทำงานเชิงรุก อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้มีความเป็นไปได้ว่าการเผารถยนต์สื่อมวลชนนั้นคาดว่าเป็นการตั้งใจ
เบื้องต้น พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนระดมสอบปากคำผู้เสียหายทุกฝ่าย พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วันและส่งสำนวนการสอบสวนให้แก่พนักงานอัยการได้พิจารณาเพื่อฟ้องร้องผู้กระทำความผิดต่อไป โดยครั้งนี้จากการรวบรวมพยานหลักฐานที่ชัดเจนเบื้องต้น ทางตำรวจเตรียมขออนุมัติออกหมายจับผู้กระทำความผิดเบื้องต้นกว่า 10 ราย
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ในวันที่ 14 ก.ย.2556 ที่กลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพารา-ปาล์มน้ำมัน ประจวบคีรีขันธ์-เพชรบุรี -ชุมพร-ระนอง จะมารวมตัวชุมนุมที่จุดเดิมตั้งแต่เช้านั้นก็สามารถทำได้ แต่ต้องไม่มีการทำผิดกฎหมาย โดยทางตำรวจได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว
ทั้งนี้ ด้านสื่อมวลชนท้องถิ่นที่ทำหน้าที่รายงานข่าวเหตุการณ์การชุมนุม จนเกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับทางตำรวจ และ อส.นั้น ไม่ว่าจะเป็น นสพ.เดลินิวส์ ทีวีช่อง 3 สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส TNN 24 ชม. นสพ.คม-ชัด-ลึก นสพ.ไทยรัฐ ประเด็นเด็ด 7 สี สปริงนิวส์ ได้มีความเห็นร่วมกันว่า นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจะหยุดนำเสนอข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องราคายางตกต่ำที่ประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากเห็นว่าการกระทำของกลุ่มที่มาชุมนุมในวันดังกล่าวจนนำไปสู่การเผาทุบทำลายรถยนต์เป็นการกระทำที่ไม่สมควรที่จะเกิดขึ้น และเป็นการคุกคามสื่อมวลชน จนทำให้สื่อมวลชนรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ทั้งนี้ จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น แต่สำหรับการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับยางพารา ปาล์มน้ำมัน พวกเราทุกคนยังคงทำหน้าที่ติดตามรายงานข่าวต่อไป
