นครพนม - ทุ่มงบร่วม 50 ล้านบาท สร้างสัญลักษณ์เมืองพญานาคริมโข ตั้งเป้าแล้วเสร็จกลางปี 2557 เผยเป็นพญานาค 7 เศียร พ่นน้ำ เลื้อยคดลำตัวเป็น 3 ชั้น ทำด้วยโลหะทองเหลือง ส่วนฐานออกแบบเป็นอาคารหอพิพิธภัณฑ์ รวบรวมประวัติศาสตร์นครพนม เผยต้องการสร้างเป็นแลนด์มาร์กจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว
วันนี้ (6 ก.ย.) นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า นครพนมถือเป็นจังหวัดที่กำลังเจริญเติบโตทั้งด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นจังหวัดชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน แขวงคำม่วน สปป.ลาว โดยมีแม่น้ำโขงกั้น ซึ่งภายหลังมีการสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3 นครพน -คำม่วน แล้วเสร็จเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2554 ทำให้นครพนมมีจุดแข็งเรื่องของเส้นทางเศรษฐกิจสายใหม่ เป็นเป้าหมายของนักลงทุนมากขึ้น
เนื่องจากเส้นทางสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 ถือเป็นเส้นทางเศรษฐกิจที่มีระยะทางสั้นที่สุด ในการขนส่งสินค้าเชื่อมไปยัง ลาว เวียดนาม และจีน โดยในอนาคตเชื่อว่าจะเป็นเส้นทางเศรษฐกิจ และจุดพักส่งสินค้าที่สำคัญ สร้างรายได้ให้ประเทศได้มหาศาล
ทั้งนี้ จ.นครพนม ยังขาดองค์ประกอบสำคัญ คือ สัญลักษณ์เมือง เพื่อเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว หรือภาษาอังกฤษเรียกว่าแลนมาร์ก หมายถึงอาคารสถานที่มีลักษณะเด่น ล่าสุดได้หารือร่วมกับภาคเอกชน ประชาชน จัดสรรงบประมาณสร้างสัญลักษณ์เมืองเป็นพญานาค ตามหลักความเชื่อชาวลุ่มน้ำโขง บริเวณท่าแพขนานยนต์ริมฝั่งแม่น้ำโขง เขตเทศบาลเมืองนครพนม
โดยใช้งบประมาณต่อเนื่องปี 2556-2557 ประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งออกแบบให้มีขนาดใหญ่ สวยงาม เน้นตามหลักความเชื่อ ความสูงเฉพาะตัวพญานาคไม่รวมฐาน 15 เมตร ลำตัวมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 เมตร สร้างเป็นพญานาค 7 เศียรพ่นน้ำ เลื้อยคดลำตัวเป็น 3 ชั้น ทำด้วยโลหะทองเหลือง ส่วนฐานออกแบบเป็นอาคารหอพิพิธภัณฑ์ หรือแหล่งรวบรวมประวัติศาสตร์ของนครพนม
พร้อมปรับภูมิทัศน์เป็นลานพักผ่อน จุดชมวิวแม่น้ำโขง ให้เป็นที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนของประชาชน และนักท่องเที่ยว คาดว่าตัวพญานาคจะแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2557 ส่วนการปรับปรุงภูมิทัศน์ จะก่อสร้างต่อเนื่องไปเพื่อให้มีความสมบูรณ์แบบที่สุด และหลังโครงการแล้วเสร็จ จะกลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว เป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์เชื่อมโยงกับลำน้ำโขงและพญานาค
“ต่อไปใครที่มาเยือนนครพนม จะได้ชื่นชมความสวยงามของสัญลักษณ์เมืองริมฝั่งแม่น้ำโขง ทิวทัศน์ที่สวยงามตามธรรมชาติ แนวภูเขาฝั่งลาวที่ทอดยาวไปกับแม่น้ำโขง ซึ่งถือว่าเป็นจังหวัดชายแดนแห่งเดียวที่มีความงดงามทางธรรมชาติแบบนี้”