บุรีรัมย์ - อดีตภรรยา “สารวัตรจ๊าบ” พร้อมชาวบ้านบุกแจ้งจับเครือข่ายสภาประชาชน 4 ภาค หลอกเรียกเก็บเงินชาวบ้านหลายราย รายละ 5,000 บาท อ้างจะได้รับจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก.ตามโครงการของรัฐบาล แต่ไม่ได้ที่ดินจริง พร้อมแฉมีขบวนการซื้อที่ดินขายให้รัฐได้กำไรแปลงละกว่า 15 ล้าน
วันนี้ (4 ก.ย.) น.ส.เพ็ญพิมล ใสงาม อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/4 ถ.อิสาณ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ อดีตภรรยาของ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือสารวัตรจ๊าบ ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 และเป็นน้องสาว นายการุณ ใสงาม อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จ.บุรีรัมย์ พร้อมชาวบ้านได้นำเอกสารการเรียกรับเงินเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.อ.ไพศาล สุวรรณทา หัวหน้าพนักงานสอบสวนชำนาญการ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ให้ดำเนินคดีต่อ นายประยุทธ์ สมเจตนา อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89 หมู่ 7 ต.สะแกซำ อ.เมืองบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นเครือข่ายของกลุ่มเกษตรกร สภาประชาชน 4 ภาค
ทั้งนี้ ได้กล่าวหาว่า นายประยุทธ์ ได้เรียกรับเงินจากชาวบ้านรายละ 5,000 บาท รวมทั้งสิ้น 36 คน โดยอ้างว่าจะเอารายชื่อดังกล่าวเข้าโครงการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของรัฐบาล ที่สภาประชาชน 4 ภาคเคยเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาหนี้สิน และที่ดินทำกินมาก่อนหน้านี้ ทั้งยังอ้างว่า หากใครชำระเงินค่าดำเนินการ จำนวน 5,000 บาท จะมีสิทธิได้รับที่ดินรายละ 15 ไร่ จากรัฐบาล
ทำให้ชาวบ้านในเขตอำเภอคูเมือง และอำเภอเมืองบุรีรัมย์หลายสิบคนหลงเชื่อจ่ายเงินให้ตามที่นายประยุทธ์ เรียกรับรายละ 5,000 บาท แต่ปรากฏว่า เวลาผ่านไปนาน ชาวบ้านกลับไม่ได้รับที่ดินตามที่นายประยุทธ์กล่าวอ้าง
ต่อมา ตำรวจได้เชิญตัว นายประยุทธ์ สมเจตนา ผู้ถูกกล่าวหา มาสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น โดย นายประยุทธ์ บอกว่า ตนมีตำแหน่งเป็นฝ่ายจัดหาที่ดินทำกินของเกษตรกรสภาประชาชน 4 ภาค และยอมรับว่าได้เรียกเก็บเงินจริงรายละ 5,000 บาท เพราะต้องเอาไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อเอารายชื่อเข้ายื่นเพิ่มเติม เนื่องจากได้ส่งรายชื่อไปก่อนแล้ว โดยได้แบ่งเงินส่วนหนึ่งที่เก็บจากชาวบ้านให้แก่ นายอนุรักษ์ แสนเวียง ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่ม แต่ทุกคนเต็มใจที่จะให้เงินเพื่อเป็นค่าดำเนินการ
ด้าน น.ส.เพ็ญพิมล ใสงาม น้องสาวอดีต ส.ว.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ส่วนตัวมีอาชีพเป็นนักธุรกิจ และเคยทำงานร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หลังมีชาวบ้านมาปรึกษาเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวจึงทนไม่ได้กับพฤติกรรมที่เอาเปรียบชาวบ้าน จึงได้พาชาวบ้านผู้เสียหายที่ถูกเรียกเก็บเงินเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ดำเนินการเอาผิด นายประยุทธ์ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะถือเป็นการหลอกลวงชาวบ้าน หากินบนหลังคน
จากการตรวจสอบยังพบหลักฐานว่า นายประยุทธ์ กับพวกตระเวนหาซื้อที่ดินชาวบ้านในราคาถูก อ้างว่ารัฐบาลจะเอามาแจกคืนให้ แล้วนำไปขายให้สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ในราคาแพง เช่น ที่ดินแปลงที่ตำบลปะเคียบ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ พบหลักฐานการซื้อที่ดินจำนวน 618 ไร่ ในราคาไร่ละ 35,000 บาท รวมราคาซื้อขายทั้งหมดประมาณ 21 ล้านบาท และนำไปขายให้ ส.ป.ก. ไร่ละ 59,000 บาท รวมเป็นเงินกว่า 36 ล้านบาท
อีกทั้งยังหลอกชาวบ้านว่าเงินส่วนต่างที่ได้จะนำไปซื้อรถไถให้หลังคาเรือนละ 1 คัน เงินสดอีก 20,000 บาท ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวส่วนตัวรับไม่ได้ โดยหลังจากนี้จะให้ผู้เสียหายทยอยเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเรื่องไว้ พร้อมจะดำเนินการเรียกสอบผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป