ฉะเชิงเทรา-เหยื่อผู้รอดชีวิตจากชมรมรถตู้เถื่อนแฉ รถตู้ผีมรณะซิ่งเร็วเหมือนกันทุกคัน และเป็นเหมือนกันทุกคิว แต่ชีวิตชาวบ้านหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะมีความจำเป็นต้องใช้บริการ เผยมีหลักยึดเหนี่ยวเป็นที่พึ่งเพียงคำกล่าวภาวนา ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มีชีวิตรอดปลอดภัย ที่ท่องเอาไว้ในใจ วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำหน้าที่เป็นหลักควบคุมแทนบทสวด ให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัยขณะเดินทาง ด้านยานพาหนะต้นเหตุทั้งคู่เตรียมซูเอี๋ย เหตุจากมีประกันภัยค่ายเดียวกัน
วันนี้ (26 ส.ค.) นางบุษบา สุขโขพันธ์ อยู่บ้านเลขที่ 2 ม.7 ต.หนองแก้ว อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เหยื่อผู้รอดชีวิตจากรถตู้ผีซิ่งวิ่งรับส่งผู้โดยสารในคิวเถื่อนสายปราจีนบุรี-อนุสาวรีชัยฯ ที่ขับรถใช้ความเร็วจนเสียหลักพุ่งเข้าชนท้ายรถบรรทุกพ่วงในเขตท้องที่ สภ.บางขนาก อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย และเสียชีวิต 9 ราย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กล่าวเปิดเผยถึงการเดินทางโดยใช้รถตู้สายดังกล่าวว่า
ปกติจะเป็นผู้โดยสารที่ต้องใช้บริการวินรถตู้สายนี้เป็นประจำในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ เนื่องจากปกติตนเองทำงานอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่งย่านพระรามเก้าในเครือของธนาคารกสิกรไทย และจะเดินทางกลับภูมิลำเนาในเขตพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ในวันศุกร์ หรือช่วงเช้าของวันเสาร์ ในทุกๆ สัปดาห์ โดยเหตุที่ต้องใช้บริการนั้นเพราะว่ามีความจำเป็น เนื่องจากจะให้คนทางบ้านไปคอยรับส่งอยู่บ่อยๆ เป็นประจำในทุกๆ ครั้งก็ไม่ไหว เพราะเขาก็ต้องทำงาน และมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางรับส่งมาก จึงต้องยอมทนที่จะใช้บริการรถตู้ความเร็วสูงสายนี้ต่อไป
ซึ่งที่ผ่านมานั้น ขณะตนนั่งโดยสารมาในรถก็ได้แต่ภาวนาอยู่ในใจว่า “ขอให้เดินทางกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย” เนื่องจากรถตู้สายนี้ทุกคัน คนขับใช้ความเร็วสูงมาก และที่สังเกตก็เห็นเป็นเหมือนกันในทุกคิว ซึ่งในขณะที่เดินทางกลับบ้านเมื่อวันเสาร์ รถตู้ที่นั่งมาในสายเดียวกันนี้ก็ยังใช้ความเร็วสูงมาก ซึ่งครั้งแรกตนเองก็ว่าจะบอกกับทางคิวรถตู้อยู่เหมือนกันว่าคนขับ ขับรถเร็วเกินไป แต่ก็กลัวจะมีปัญหากับคนขับเพราะต้องกลับมาใช้บริการอีกในทุกๆ สัปดาห์ จึงไม่กล้าที่จะเอ่ยปากบอก เพราะกลัวเขาไม่พอใจ
สำหรับในวันนี้ขณะเกิดเหตุนั้น ตนนั่งหลับมาซึ่งก็แปลกเพราะโดยปกติตนก็ไม่เคยนั่งหลับมาบนรถเลย แต่วันนี้กลับนั่งหลับ และมาเกิดอุบัติเหตุในที่สุด แต่โชคดีที่ยังรอดชีวิตมาได้เพราะนั่งอยู่ตรงแถวเดียวกับคนขับ ในตำแหน่งเบาะด้านหลังท้ายรถสุดของตัวรถ จึงกระเด็นหลุดออกมานอกรถ และมารู้สึกตัวเมื่อมีคนเข้ามาช่วยเหลือ และบอกว่ารถเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งครั้งแรกขณะเกิดเหตุใหม่ๆ ตนยังจำอะไรไม่ได้ พอเวลาผ่านไปสักพักจึงเริ่มรู้สึกตัว และจำเหตุการณ์ก่อนการเดินทางได้ทั้งหมด
ที่ผ่านมาก็เคยเห็นมีข่าวเกิดอุบัติเหตุลักษณะนี้ขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งก็รู้อยู่ว่าเสี่ยงแต่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะมีความจำเป็น และก็ไม่คิดว่าจะมาเกิดขึ้นกับตนเองในวันนี้ จึงรู้สึกใจหาย และเสียใจที่มีผู้ร่วมเดินทางมาในรถคันเดียวกันเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จึงอยากร้องขอให้ผู้มีหน้าที่ดูแลควบคุมรถ ไม่ให้กำหนดเวลา ว่ารถจะต้องถึงตอนกี่โมง หรือเวลาเท่าไร เพื่อให้คนขับใช้ความระมัดระวังมากขึ้น ขับรถช้าลงเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร นางบุษบากล่าว
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถคู่กรณีที่เกิดอุบัติเหตุเป็นโศกนาฏกรรมหมู่เมื่อช่วงเช้าทั้งคู่นั้น ได้มีบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง (วิริยะประกันภัย) มาแสดงตนต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อที่จะดำเนินการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายจากตัวรถทั้ง 2 คัน ซึ่งรถทั้งคู่ได้ทำประกันภัยไว้กับบริษัทประกันภัยเจ้าเดียวกัน จนญาติของผู้ประสบเหตุหวั่นเกรงว่าอาจจะส่งผลกระทบไปจนถึงการชดเชยความสูญเสีย ที่อาจไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย หรือไม่ก็อาจถูกโยนให้ทางฝ่ายผู้เสียหายต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายตามที่ต้องการกันเอง
โดยตัวรถพ่วงนั้น ในส่วนของหัวลากมีประกันภัยประเภทที่ 1 พร้อม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ขณะที่ส่วนหางพ่วงนั้นไม่มีประกันภัย แต่ทางฝ่ายตัวแทนของนายประกันผู้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุของบริษัทดังกล่าว ระบุว่า จะคุ้มครองทั้งสองส่วนได้ไปพร้อมกัน ส่วนด้านของรถตู้นั้นมีประกันภัยประเภทที่ 3 ที่คุ้มครองในส่วนของความเสียหายของรถคู่กรณี ซึ่งเป็นฝ่ายของบริษัทเดียวกันอีกเช่นเดิม