xs
xsm
sm
md
lg

ม้าเหล็กพุ่งชนเก๋งพังยับที่กาญจน์ แม่-ลูก และหลานรอดปาฏิหาริย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - ระทึก! ม้าเหล็กขนนักท่องเที่ยว พยาบาล OPD ราชวิถี จากหัวลำโพงมุ่งหน้าน้ำตกไทรโยค กาญจนบุรี พุ่งชนเก๋งพังยับ แม่ ลูก และหลานรอดปาฏิหาริย์ เชื่อเบี้ยแก้ “หลวงปู่ดี” คุ้มครอง

เมื่อเวลา 10.14 น. วันนี้ (25 ส.ค.) ร.ต.ท.ปรเมศ งามเลิศ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งเหตุรถไฟชนรถยนต์เก๋งไม่มีผู้ได้รับาดเจ็บ เหตุเกิดที่บริเวณจุดตัดทางรถไฟ ซอยนันทกาญจน์ หมู่ 3 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์

ไปถึงพบรถไฟสายหัวลำโพง-น้ำตกไทรโยค ขบวนที่ 1217 รวม 3 โบกี้ ภายในมีนักท่องเที่ยวเจ้าหน้าที่พยาบาล OPD จากโรงพยาบาลราชวิถีมากกว่า 200 คน สภาพหัวจักรรถไฟกันชนหัก สายลมบังคับอุปกรณ์เสียหาย มีนายดุสิต สัมมาทิฏฐิ เป็นพนักงานขับรถไฟ ข้างรางรถไฟพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีแดง หมายเลขทะเบียน ภค 5878 กทม. จอดขนานกับรางรถไฟ สภาพด้านหน้าซ้ายถูกรถไฟขบวนดังกล่าวชนจนพังเสียหาย ทราบชื่อคนขับคือ นางคณิภา เลิศหงิมภูกนก อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1616/71 หมู่ 3 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

โดยมี นางสมพงษ์ วิเศษสิงห์ แม่ และ ด.ช.พงษ์ศุภณัฐ หรือน้องแซน เลิศหงิมภูกนก อายุ 2 ขวบ นั่งอยู่ที่เบาะซ้าย ทั้งหมดไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด แต่ทุกคนอยู่ในอาการที่ตื่นตระหนก ยกเว้นน้องแซน ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น และพบที่คอแขวนเบี้ยแก้หลวงปู่ดี วัดเทวสังฆาราม หรือวัดเหนือ ต่อมา ด.ต.ประเสริฐพงษ์ เลิศหงิมภูกนก เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองกาญจนบุรี ซึ่งเป็นสามีของ นางคณิภา คนขับ และเป็นพ่อของน้องแซน รีบเดินทางมาเยี่ยมด้วยความตกใจ

นายดุสิต สัมมาทิฏฐิ พนักงานขับรถไฟ เปิดเผยว่า ตนขับรถไฟออกมาจากสถานีหัวลำโพง มุ่งหน้าไปที่น้ำตกไทรโยคน้อย รถไฟมีทั้งหมด 3 โบกี้ โดยมีคณะเจ้าหน้าที่พยาบาล OPD จากโรงพยาบาลราชวิถีเหมามาเที่ยวที่น้ำตกไทรโยคน้อย เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุอยู่ๆ รถยนต์เก๋งคันดังกล่าวก็ขับโผล่เอาส่วนหน้าออกมาทำให้รถไฟชนเข้าอย่างจังจนรถยนต์เก๋งกระเด็นตกลงไปข้างทางได้รับความเสียหาย โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนรถไฟได้รับความเสียหายกันชนหัก และสายลมบังคับ เบื้องต้นรถไฟไม่สามารถวิ่งไถึงจุดหมายปลายทางที่น้ำตกไทรโยคน้อยได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องตัดโบกี้รถไฟที่เสียหายออก เหลือเพียง 2 โบกี้ โดยขอให้นักท่องเที่ยวไปนั่งรวมกันภายในโบกี้ที่เหลืออยู่ ส่วนโบกี้ที่เสียหายจะลากไปเก็บไว้ที่สถานีรถไฟดอนรักษ์ เพื่อรอการซ่อมบำรุงต่อไป

ด้านนางคณิภา เลิศหงิมภูกนก คนขับรถยนต์เก๋งกล่าวด้วยอาการตื่นตระหนกว่า ตนใช้เส้นทางนี้เป็นประจำทุกวัน ก่อนเกิดเหตุตนกำลังขับรถยนต์ไปส่งแม่ที่บ้าน โดยมีน้องแซนลูกชายวัย 2 ขวบ นั่งอยู่กับแม่ที่เบาะซ้าย เมื่อมาถึงทางแยกตัดทางรถไฟตนก็ได้ชะลอรถเพื่อมองซ้ายมองขวา และไม่ได้ยินเสียงหวูดรถไฟ อีกทั้งยังมีพุ่มไม้ด้านซ้ายบังอยู่จึงมองไม่เห็นรถไฟ ขณะเดียวกัน ด้านหน้ารถยนต์ที่ตนขับมาได้เลยรางรถไฟ และถูกชนเข้าอย่างจัง จนรถยนต์เก๋งที่ตนขับมากระเด็นตกลงไปข้างทาง แต่ก็นับว่าโชคดีที่ตนกับแม่ และลูกชายไม่ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นตนจึงรีบอุ้มลูก และพยุงแม่ลงมาจากรถทันที

แต่อย่างไรก็ตาม ตนขอให้การรถไฟฯ ช่วยกรุณาติดตั้งอุปกรณ์กั้นทางรถไฟด้วย เพราะที่ผ่านมา ก็มีคนถูกรถไฟชนมาแล้วหลายราย นอกจากนั้น ขอให้การรถไฟฯ ช่วยตักพุ่มไม้ที่ขึ้นตามทางรถไฟออกเพื่อไม่ให้ปิดบังสายตาของผู้ช้รถด้วย เพื่อความปลอดภัยของทุกคน

ด.ต.ประเสริฐพงษ์ เลิศหงิมภูกนก เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองกาญจนบุรี สามี และพ่อของเด็กกล่าวว่า ตนเชื่อว่าทุกคนที่ประสบอุบัติเหตุถูกรถไฟชน และทุกคนจะต้องมีความผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่การรถไฟฯ และตนเชื่อว่าไม่มีใครต้องการให้มีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น แต่ทางการรถไฟฯ ก็ไม่เคยที่จะมาตัดพุ่มไม้ชนิดต่างๆ ที่ขึ้นข้างรางรถไฟออก ปล่อยให้หญ้า หรือต้นไม้โตสูงขึ้นจนบดบังสายตาของคนขับรถ ทำให้ทุกคนมองไม่เห็น อีกทั้งจุดดังกล่าวเป็นเขตชุมชนผู้คนต้องเข้าออกอยู่เป็นประจำ ตนมองว่าบางครั้งการรถไฟฯ จะต้องรับผิดชอบบ้างกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในบางกรณี

แต่อย่างไรก็ตาม การเกิดอุบัติเหตุกับครอบครัวของตนในครั้งนี้ ซึ่งไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ตนและครอบครัวเชื่อว่าเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ หรือปาฏิหาริย์ของเบี้ยแก้หลวงปู่ดี วัดเทวสังฆาราม หรือวัดเหนือ ที่ลูกชายของตนแขวนคอเอาไว้ที่ได้คุ้มครองให้ทุกคนปลอดภัย


กำลังโหลดความคิดเห็น