อุดรธานี - รวบทันควัน 3 ฆาตรกรโหด ฆ่า 2 สาวทิ้งห้วยหลวง พบเป็นหญิงขายบริการชาวลาวที่ จ.หนองคาย เผยหนึ่งในนั้นพัวพันค้ายาเสพติดรายใหญ่ แถมเบี้ยวไม่ส่งยาจึงถูกลวงฆ่าทิ้งน้ำ ส่วนตัวการใหญ่กบดานที่ จ.ร้อยเอ็ด คาดจับตัวได้เร็วๆ นี้
วันนี้ (21 ส.ค.) ที่หน้า สภ.เมือง จ.อุดรธานี พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.สุรินทร์ ชัยชมพู รอง ผบก. ชุดสืบสวน สภ.เมือง แถลงข่าวจับกุมนายคมสันต์ เม้าราศี อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64/4 หมู่ 1 ซอยบ้านหนองบัว ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี นายสุทิน เข็มพุดไทย อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98/61 ถนนอดุลยเดช ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี นายเฉลิมฤทธิ์ พรหมฤทธิ์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 179 หมู่ 2 ต.กวนวัน อ.เมือง จ.หนองคาย
ของกลางรถยนต์เชฟโรเลต ครุซ สีดำ ทะเบียน กบ 5792 อุดรธานี รถกระบะนิสสัน 4 ประตู สีดำ ทะเบียน กค 2176 หนองคาย โดยกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
สืบเนื่องจากวันที่ 20 สิงหาคมเกิดเหตุพบศพหญิงนิรนาม อายุประมาณ 30-35 ปี 2 ศพ ถูกทิ้งไว้ที่ลำห้วยหลวง บ้านดงเหล่าต้อง ต.สามพร้าว สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนบริเวณหน้าผาก เบ้าตาซ้าย แพทย์ระบุเสียชีวิตมาประมาณ 3 วัน
พล.ต.ท.กวีกล่าวว่า เย็นวันเดียวกันมีผู้เดินทางมาจาก จ.หนองคายเพื่อดูศพ และยืนยันว่าผู้ตายทั้งสองคือ นางออน อายุ 26 ปี ชาวเมืองหลวงพระบาง และนางไพร ศรีบุญเฮือง อายุ 22 ปี ชาวบ้านโพนขาม เมืองปากงึม แขวงนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ทำงานเป็นสาวบริการ (ไซด์ไลน์) ที่ อ.เมือง จ.หนองคาย มีพยานบุคคลพบเห็นนายคมสันต์ เม้าราศี และพวกรวม 3 คนขับรถยนต์เชฟโรเลต ครูซ สีดำ หมายเลขทะเบียน กบ 5792 อุดรธานี พาผู้ตายทั้งสองออกจากโรงแรมหนองคายอินท์ตั้งแต่คืนวันที่ 18 สิงหาคม จากนั้นก็ไม่กลับมาที่ทำงานอีกเลย
โดยญาติแจ้งความคนหายที่ สภ.เมือง จ.หนองคาย เมื่อเห็นข่าวทางโทรทัศน์ว่ามีเหตุฆ่าหญิงนิรนามทิ้งลำห้วย สามารถจำรูปร่าง เสื้อผ้าของผู้ตายได้ จึงมาดูศพ และยืนยันว่าเป็นหญิงที่ทำงานอยู่ที่หนองคาย ขณะเดียวกัน สภ.เมือง จ.หนองคาย ได้ประสานมายัง สภ.เมือง จ.อุดรธานี สืบสวนจนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ คือ นายคมสันต์ เม้าราศี นายสุทิน หรือน็อค เข็มพุดไทย และนายเฉลิมฤทธิ์ หรือเกิ้ล พรหมฤทธิ์ มาสอบสวนปากคำ ซึ่งนายคมสันต์ให้การรับสารภาพว่าร่วมกันฆ่านางออน และนางไพร
โดยก่อนเกิดเหตุเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ มีนายอภิชัย จันทร์สว่าง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 566 หมู่ 1 ซอยบ้านหนองบัว ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท ทำงานที่แผนกติดตามหนี้สิน ธนาคารธนชาต สาขา อ.เมือง จ.อุดรธานี มาวานให้พานางออน ซึ่งทำงานเป็นสาวบริการ (ไซด์ไลน์) ไปพบเพราะมีเรื่องที่จะสอบถาม จึงไปเปิดห้องพัก 2 ห้องที่โรงแรมหนองคายอินท์ แล้วได้โทรศัพท์เรียกนางออนมาใช้บริการ ส่วนนายสุทินร่วมหลับนอนกับนางไพร
หลังเสร็จกิจได้พาทั้งสองขึ้นรถโดยไม่ได้แจ้งว่าจะพาไปไหน โดยพวกตนขับมุ่งหน้าไปโรงฆ่าสัตว์บ้านนาคลอง ถนนหนองคาย-โพนพิสัย อ.เมือง จ.หนองคาย เมื่อไปถึงก็พบนายอภิชัย พรหมฤทธิ์ โดยมีนายเฉลิมฤทธิ์นั่งอยู่ในรถกระบะนิสสัน สีดำ ทะเบียน กค 2176 หนองคาย ที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว ส่งสัญญาณให้ขับรถตามไปอีก 5 กิโลเมตร จึงแวะจอดข้างทางใกล้กับวัดสามัคคี เนินพะเนาว์
เมื่อนางออนพบนายอภิชัยได้แสดงอาการหวาดกลัว และเปิดประตูวิ่งหลบหนี แต่นายอภิชัยไล่ตามจับตัวมาได้ และลงมือทำร้ายร่างกายนางออน ซึ่งนางไพรเมื่อเห็นเพื่อนถูกซ้อมจึงจะลงไปช่วย แต่ถูกนายสุทินเข้าไปดึงเอาไว้ จนนางออนถูกซ้อมจนสลบ นายอภิชัยได้ลากตัวไปขึ้นรถกระบะ แล้วให้พวกตนขับรถติดตามมุ่งหน้าเข้าเขต อ.เมือง จ.อุดรธานี
ด้านนายเฉลิมฤทธิ์ พรหมฤทธิ์ ให้การว่า ขณะกำลังขับรถกระบะมุ่งมาที่ จ.อุดรธานี นายอภิชัยลงมือซ้อมและใช้เข่ากระแทกไปที่บริเวณลำคอของนางออนที่นอนอยู่กับพื้นที่เบาะด้านหลังจนแน่นิ่งไป สันนิษฐานว่าอาจคอหักเสียชีวิต จากนั้นนายอภิชัยได้บอกให้ขับรถมาที่สะพานข้ามห้วยหลวง ถนนสายบ้านสามพร้าว-ดอนหาด ต.สามพร้าว นำศพนางออนโยนลงไปในลำห้วยหลวง
ส่วนนางไพร ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง นายอภิชัยได้ใช้ปืน .32 ลูกโม่ ให้นายเฉลิมฤทธิ์ และสั่งให้ยิงนางไพรเพื่อฆ่าปิดปาก ซึ่งนายเฉลิมฤทธิ์ได้หันหลังยิงไป 4 นัด ปรากฏว่าถูกหน้าผากกับเบ้าตาซ้ายเสียชีวิต จึงอุ้มศพโยนลงไปในลำห้วยหลวง แล้วแยกย้ายกันกลับ กระทั่งมาถูกตำรวจจับกุม
ส่วนนายอภิชัยไหวตัวทันได้หลบหนีไปพร้อมกับอาวุธปืน ขณะนี้ตำรวจกำลังติดตาม ทราบว่าหนีไปที่ อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด คาดว่าจะจับตัวได้ในเร็วๆ นี้ ซึ่งล่าสุดตำรวจสืบสวนสอบสวน สภ.เมือง จ.อุดรธานี พบรถกระบะโตโยต้า วีโก้ตอนเดียว ของนายอภิชัย จอดทิ้งไว้ในพื้นที่ อ.โพนทอง
พล.ต.ท.กวีกล่าวว่า นายคมสันต์ นายอภิชัย ได้ร่วมกับสามีนางออน ค้ายาเสพติด ซึ่งเป็นแก๊งค้ายาบ้ารายใหญ่ใน จ.หนองคาย โดยทั้งสองจะให้เงินสามีนางออนข้ามไปซื้อยาเสพติดจากฝั่งลาว ต่อมาสามีของนางออนถูกตำรวจหนองคายจับกุมและติดคุกอยู่ในเรือนจำจังหวัดหนองคาย
นายคมสันต์ และนายอภิชัย จึงนำเงินมาให้นางออนข้ามไปซื้อยาเสพติดมาขาย แต่นางออนกลับเบี้ยวไม่นำยาเสพติดมาให้ แถมยักยอกเงินที่ให้ไปอีก คาดว่าต้องมีการใช้งานกันหลายครั้ง ทำให้แก๊งดังกล่าวเกิดความแค้นจึงใช้ให้เพื่อนล่อนางออนมาซ้อมและฆ่าล้างแค้น ส่วนนางไพรซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด แต่เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น กลุ่มฆาตรกรเห็นว่าหากปล่อยตัวจะเป็นพยานสำคัญสามารถสืบหามายังตัวการได้ จึงถูกฆ่าปิดปาก ซึ่งการกระทำของแก๊งดังกล่าวถือว่าโหดเหี้ยมมาก
