กาญจนบุรี -พบผืนป่าต้นน้ำสมบูรณ์กลางหุบเขาเมืองกาญจนบุรี ถูกบุกรุกราบเป็นหน้ากลอง ปค.ป่าไม้ เตรียมนำกำลังปูพรมตรวจสอบ คาดกลุ่มนายทุนเป็นคนสุพรรณบุรี
ความคืบหน้ากรณีวันที่ 13 ส.ค.56 ที่ผ่านมา นายชาญวิทย์ ศุภกิจจานุศรณ์ นายอำเภอเลาขวัญ จ.กาญจนบุรี นายสุวิทย์ มากแก้ว ปลัดอำเภอเลาขวัญฝ่ายความมั่นคง นายบรรพต พุ่มน้ำเย็น หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.2 (บ้านสามหลัง) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ อส.อำเภอเลาขวัญ และกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้จำนวนหนึ่ง ลงพื้นที่ตรวจสอบป่าต้นน้ำ หมู่ 3 และหมู่ 12 ต.หนองปลิง หลังมีชาวบ้านร้องเรียนว่ามีการบุกรุกแผ้วถางเพื่อยึดครองนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตน 5 แปลง กว่า 2 พันไร่ เบื้องต้นทราบว่า กลุ่มนายทุนมาจากจังหวัดสุพรรณบุรี
ล่าสุด วันนี้ (14 ส.ค.) นายบุญสืบ สมัครราช ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่า และควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากร ที่ 10 ราชบุรี นายสุวิทย์ มากแก้ว ปลัดอำเภอเลาขวัญฝ่ายความมั่นคง นายบรรพต พุ่มน้ำเย็น หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.2 (บ้านสามหลัง) นายสุวัฒน์ ถมทรัพย์ กำนันตำบลหนองปลิง นายมนัส พระมาลา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.2 (บ้านสามหลัง) และเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลิดภัยหมูบ้าน กว่า 40 นาย ร่วมเดินทางไปตรวจสอบพร้อมวัดพิกัดพื้นที่ทั้ง 5 แปลง เพื่อรายงานให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละหน่วยงานทราบ
นายบุญสืบ สมัครราช ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่า และควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรที่ 10 ราชบุรี กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ที่ถูกบุกรุกทั้งหมดจากการวัดพิกัดพบว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอนแสลบ และป่าเลาขวัญ ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ ภายในเทือกเขาสีเสียด จุดที่ถูกบุกรุกคือหุบเขาผาสุข หมู่ 3 ต.หนองปลิง อ.เลาขวัญ เขตติดต่อระหว่าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ลักษณะส่วนใหญ่นายทุนได้นำเครื่องจักรเข้าไปแผ้วถางปลูกพืชการเกษตร เช่น ปลูกต้นยูคาลิปตัส ต้นยางพารา สะเดา มันสำปะหลัง และข้าวโพด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เดินเท้าตรวจสอบ และสามารถวัดพิกัดพื้นที่ได้เพียง 3 แปลง เนื้อที่ประมาณ 200 กว่าไร่
โดยขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังเดินทางไปสำรวจพื้นที่บุกรุกแปลงที่เหลืออีก 2 แปลง ซึ่งอยู่คนละฝั่งของเทือกเขาสีเสียด ซึ่งปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ได้ขับรถยนต์เลี้ยวผิดเส้นทางโดยหลงเข้าไปหุบเขาผาสุก ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ร่วมเดินทางไปทุกนายถึงกับตกตะลึง เมื่อพบว่าภายในหุบเขาถูกกลุ่มนายทุนบุกรุกแผ้วถางจนพื้นที่ป่าตามเชิงเขาทั้ง 2 ฟากฝั่ง และพื้นที่ราบระหว่างภูเขาราบเป็นหน้ากลอง และหุบเขาดังกล่าวเป็นเส้นทางเดินของน้ำขนาดใหญ่
หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าไปพบพื้นที่ที่ถูกบุกรุกแห่งใหม่นี้ สร้างความตกตะลึงเป็นอย่างมาก จึงได้วางแผนเพื่อประสานเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ มาร่วมกันสำรวจ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.เพราะพื้นที่ใกล้เคียงมีหมุดของ ส.ป.ก.ปักอยู่เป็นระยะ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินทางต่อไปยังแปลงที่ถูกบุกรุกอีก 2 แปลงที่ยังไม่ได้วัดพิกัด ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่เรียกกันว่า “หุบเขาปลัด” โดยพื้นที่ดินแปลงดังกล่าวมีรั้วลวดหนามล้อมรอบ ประตูทางเข้าประกาศติดว่า บุคคลภายนอกห้ามเข้า แต่อย่างไรก็ตาม พื้นที่ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจยึดเอาไว้หลายปีแล้ว
โดยภายในมีบ้านปูนชั้นเดียวตั้งอยู่ แต่ไม่มีผู้อาศัยเนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ตรวจยึดเอาไว้ ขณะกำลังวางแผนตรวจวัดพิกัดพื้นที่ ประกฏว่า พบเห็นพื้นที่ที่ถูกบุกรุกอีกเป็นจำนวนมาก และมีการปลูกมันสำปะหลังเอาไว้ และเมื่อมองไปบริเวณเชิงภูเขาที่อยู่ใกล้กัน พบมีทางเดินขึ้นไปบนยอดภูเขา เจ้าหน้าที่จึงเดินเท้าเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งก็พบว่า มีการบุกรุกเพิ่มเติมเป็นจำนวนมาก โดยนายทุนได้ใช้วิธีการบุกรุกเฉพาะบริเวณที่เป็นหุบเขา ส่วนภายนอกยังมีต้นไม้นานาชนิดขึ้นเต็มพื้นที่ ซึ่งหากไม่ใช้เฮลิคอปเตอร์บินสำรวจ หรือหากไม่เดินเท้าเข้าไปก็จะไม่ทราบว่าภายในมีการบุกรุกเป็นพื้นที่กว้างอย่างแน่นอน
การปฏิบัติครั้งนี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากต้องเดินเท้าเข้าไปสำรวจเพื่อวัดพิกัดเนื่องจากเป็นที่ลาดชัน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าพื้นที่ที่ถูกกลุ่มนายทุนบุกรุกทั้งเก่า และใหม่มีพื้นที่มากกว่า 2 พันไร่ โดยการเดินเท้าสำรวจพื้นที่ในวันนี้คงไม่แล้วเสร็จ แต่อย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้ (15 ส.ค.) ตนจะระดมกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่มีอยู่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และหน่วยป้องกันรักษาป่าในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี รวมกันประมาณ 100 นาย มาเดินเท้าเข้าพื้นที่แบบปูพรมเพื่อสำรวจพื้นที่ที่ถูกบุกรุกทั้งหมด เพื่อรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป ส่วนแนวทางการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมกลุ่มนายทุน จะเร่งดำเนินการทำบันทึกส่งพนักงานสอบสวน สภ.เลาขวัญ ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ด้านนายสุวิทย์ มากแก้ว ปลัดอำเภอเลาขวัญฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า หลังจากที่ทางอำเภอเลาขวัญได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีกลุ่มนายทุนมาบุกรุกพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเราได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เพื่อนำกำลังเข้ามาร่วมตรวจสอบ และจากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบมีการบุกรุกรวมกันทั้งหมด 5 แปลง แต่พื้นที่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามีกี่ไร่ ซึ่งจะต้องรอให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้สำรวจให้แล้วเสร็จเสียก่อน ส่วนการปฏิบัตินั้นนับว่าลำบากมาก เนื่องจากฝนได้ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเส้นทางก็ลาดชัน
สำหรับการค้นพบพื้นที่ที่ถูกกลุ่มนายทุนบุกรุกเพิ่มเติมในวันนี้ นับว่ามีพื้นที่เป็นจำนวนมาก หากเจ้าหน้าที่ไม่สังเกตพื้นที่ให้ดีจะยากต่อการพบเห็น เนื่องจากกลุ่มนายทุนจะเลือกบุกรุกพื้นที่ที่เป็นหุบเขา ส่วนภายนอกจะมีผืนป่าสมบูรณ์ขึ้นตามปกติ ส่วนกลุ่มนายทุนจากการสอบถามชาวบ้านเบื้องต้นทราบว่า มาจากจังหวัดสุพรรณบุรี แต่อย่างไรก็ตาม ตนจะรายงานความคืบหน้าให้ผู้บังคับบัญชาให้ทราบต่อไป
ส่วน นายสุวัฒน์ ถมทรัพย์ กำนันตำบลหนองปลิง กล่าวว่า พื้นที่ในตำบลหนองปลิง ถูกกลุ่มนายทุนเข้ามากว้านซื้อเป็นจำนวนมาก ในอดีตจะเป็นพื้นที่ทำมาหากินของชาวบ้าน แต่กลุ่มนายทุนก็พยายามบุกรุกพื้นที่เพิ่มเติม จนถึงขณะนี้ก็ไม่ทราบว่ากลุ่มนายทุนเป็นกลุ่มไหน ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวเป็นผืนป่าต้นน้ำที่อุดมสมบูรณ์ ตนหวังว่าเจ้าหน้าที่จะดำเนินการในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อปกป้องผืนป่าต้นน้ำแห่งนี้เอาไว้ให้ลูกหลานต่อไป