คอมพ์กองคลัง ทน.ลำปางหายเริ่มร้อน อดีตนายกแฉขุมผลประโยชน์ “ขยะทองคำ”

ลำปาง - อดีตนายกเล็กนครลำปาง เปิดฉากโต้เกมคอมพ์ห้องคลังเทศบาลหาย พัวพันสัญญาจัดซื้อจัดจ้างไม่โปร่งใส พร้อมแฉกลับหลังเปลี่ยนผู้บริหาร จ้องโละสัญญาจ้าง เปลี่ยนเอกชนขนขยะ แถมรวบงบ-จ่อจ้างลอกท่อทั้งที่เทศบาลมีรถขุดลอกทุกชนิด

วันนี้ (6 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ลำปาง ว่าหลังเกิดเหตุคนร้ายขโมยเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนกองคลัง สำนักงานเทศบาลนครลำปาง เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา ต่อมานายกิตติภูมิ นามวงศ์ นายกเทศมนตรีนครลำปาง ได้แถลงข่าวโดยระบุว่าคอมพิวเตอร์ทั้ง 2 ชุดอาจโยงใยกับสัญญาจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่โปร่งใส มูลค่ากว่าร้อยล้านบาท ซึ่งเมื่อเข้ามารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีได้ตรวจสอบจนพบสิ่งผิดปกติหลายประเด็น และกำลังรวบรวมเอกสารทั้งหมดส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้ามาตรวจสอบนั้น

ล่าสุด นายนิมิตร จิวะสันติการ อดีตนายกเทศมนตรีนครลำปาง หัวหน้ากลุ่มนครลำปาง กล่าวว่า การที่นายกเทศมนตรีนครลำปางบอกว่าคอมพิวเตอร์ที่หายไปเกี่ยวข้องกับสัญญาหลักร้อยล้านบาท เป็นแค่ปาหี่ทางการเมืองเท่านั้น เนื่องจากตั้งแต่ตนรับตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครลำปาง 8 ปี เทศบาลไม่มีเงินเยอะขนาดที่จะทำสัญญามูลค่าสูงขนาดนั้น แต่ละปีมีเงินเหลือพอที่จะทำโครงการต่างๆ ไม่เกิน 30 ล้านบาท ไม่เคยทำสัญญาที่มีมูลค่าสูงถึงหลักร้อยล้านบาทแม้แต่โครงการเดียว สัญญาที่มีมูลค่ามากที่สุด คือ โครงการทำตลาดหลักเมือง แต่ก็แค่ 70 ล้านบาทเท่านั้น

ส่วนที่ระบุว่าน่าจะเกี่ยวกับโครงการกำจัดขยะของเทศบาลอยากให้ทุกฝ่ายเข้าไปตรวจสอบอย่างจริงจัง และสืบเสาะว่าที่ผ่านมาใครที่ได้ประโยชน์จากการว่าจ้างบริษัทเก็บขยะ ตั้งแต่สมัยที่ตนเองมารับตำแหน่ง ผู้ที่ดูแลงานด้านสาธารณสุข คือ นายกเทศมนตรีคนปัจจุบัน ซึ่งบริษัทดังกล่าวได้รับการประมูลเก็บขยะมาตลอด จนกระทั่งหมดสัญญาเมื่อปี 2555 และได้มีการประกาศประกวดราคาใหม่ ทำให้บริษัทใหม่ได้รับการประมูลเนื่องจากเสนอราคาถูกกว่า เงื่อนไขในการจัดเก็บ รวมถึงการเสนอให้ประโยชน์แก่ทางเทศบาลได้มากกว่า

แต่เมื่อบริษัทคู่สัญญาใหม่เริ่มทำงานได้เพียง 1 เดือน และมีการส่งงานงวดแรกให้เทศบาลเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ตรวจรับงานเรียบร้อย แต่เทศบาลกลับไม่ยอมจ่ายค่าจ้าง ขณะเดียวกัน นายกเทศมนตรีกลับพยายามจะบอกเลิกสัญญา โดยอ้างว่าบริษัทผิดสัญญาการส่งมอบรถเพื่อใช้ในการจัดเก็บขยะ 21 คันตามที่ระบุในสัญญา ซึ่งเรื่องดังกล่าวบริษัทได้แจ้งให้เทศบาลทราบพร้อมแนบเอกสารของทางบริษัทผลิตรถให้เทศบาลก่อนหน้านี้แล้ว และเทศบาลก็ไม่ติดขัด

นอกจากนี้ นิติกรเทศบาลได้ให้เหตุผลไปแล้วว่า กรณีดังกล่าวไม่สามารถยกเลิกสัญญาได้ เพราะบริษัทไม่มีเจตนาที่จะไม่ส่งมอบรถตามสัญญา และบริษัทได้ส่งมอบรถมาแล้ว 19 คัน ขาดเพียง 2 คันเท่านั้น จึงไม่สามารถยกเลิกสัญญาได้

กระทั่งปลายเดือนพฤษภาคม 2556 บริษัทจึงส่งมอบรถอีก 2 คันให้ครบตามสัญญา แต่นายกเทศมนตรียังหาช่องว่างยกเลิกสัญญาอีก โดยการออกแบบสอบถามความคิดเห็นของชาวบ้าน เกี่ยวกับการจัดเก็บขยะของบริษัท แต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากทางบริษัททำตามสัญญาทั้งหมด และเมื่อทำงานต่อในเดือนมิถุนายน บริษัทได้ส่งงานเรียบร้อย เทศบาลก็ไม่จ่ายค่าจ้าง ซึ่งขณะนี้ส่งงานไปแล้ว 3 งวด เทศบาลก็ไม่จ่ายค่าจ้างให้บริษัทฯแต่พยายามหาทางที่จะยกเลิกสัญญา เพื่อให้บริษัทเดิมกลับเข้ามาดำเนินงานต่อให้ได้

ส่วนเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้ง 2 เครื่องที่หายไปนั้น คิดว่าสืบหาได้ไม่ยาก และที่สำคัญตามที่นายกเทศมนตรีระบุว่าข้อมูลในเครื่องไปเป็นความลับ และน่าจะเกี่ยวข้องกับสัญญาที่ไม่ถูกต้องและไม่โปร่งใสนั้น ตนยืนยันว่าคอมพิวเตอร์ทุกตัวที่อยู่ในห้องนั้นไม่มีอะไรที่เป็นความลับ เพราะพนักงานเทศบาลใช้ดเก็บข้อมูล พัสดุ การทำสัญญาต่างๆ ฎีกาปกติของพนักงาน หรือที่มีการตั้งเบิกทั่วไปของเทศบาล ซึ่งทุกคนสามารถเปิดค้นหาข้อมูลได้ และแต่ละเครื่องไม่มี Password ดังนั้นหากต้องการหาข้อมูลใดๆ ก็ไม่จำเป็นต้องขโมยสามารถเปิดดูข้อมูลได้ทันที

ทั้งนี้ นายนิมิตรยังได้ฝากให้ชาวลำปางติดตามว่า การขุดลอกท่อโดยท่อไม่ได้ตัน แต่ที่น้ำท่วมบางครั้งเนื่องจากปริมาณน้ำมากกว่าปกติเท่านั้น ซึ่งหากจะมีการขุดลอกท่อจริงๆ เทศบาลสามารถทำได้เอง เนื่องจากมีรถที่ใช้ในการขุดลอกครบทุกชนิด แต่ขณะนี้กำลังมีคนพยายามรวมงบประมาณจากกองต่างๆ ของเทศบาล เพื่อนำไปว่าจ้างบริษัทหนึ่งขุดลอกท่อด้วยวงเงินถึง 2 ล้านบาท ทั้งที่เทศบาลสามารถทำได้ด้วยตัวเอง