อุตรดิตถ์ - ด่วนนครพิงค์ล้อหลุดจากรางขณะแล่นเข้าอุโมงค์เขาพลึง การรถไฟฯ ต้องรีบขนถ่ายผู้โดยสารซึ่งส่วนมากเป็นชาวต่างชาติกว่า 300 คน ออกไปทางสถานีเด่นชัย จ.แพร่ และสถานีศิลาอาสน์ จ.อุตรดิตถ์
เมื่อเวลา 03.30 น. วันนี้ (3 ส.ค.) ได้เกิดเหตุรถไฟสายเหนือ ขบวน 1 ด่วนนครพิงค์ กรุงเทพ-เชียงใหม่ ตกรางขณะแล่นเข้าอุโมงค์เขาพลึง ซึ่งอยู่ระหว่างจุดแบ่งเขต จ.แพร่ กับ จ.อุตรดิตถ์ ห่างจากสถานีห้วยไร่ อ.เด่นชัย ประมาณ 5 กม. และห่างจากสถานีปางต้นผึ้ง ต.ด่านนาขาม อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ประมาณ 4 กม. ล้อของโบกี้ตู้ที่ 6 และโบกี้ตู้ที่ 11 ได้หลุดออกจากราง ซึ่งหมอนรองรับรางยังเป็นไม้เก่า อยู่ระหว่างการเปลี่ยนเป็นหมอนคอนกรีต ซึ่งผู้โดยสารกว่า 90 เปอร์เซ็นต์เป็นชาวต่างชาติ
จาการสอบถามผู้โดยสารกล่าวว่า ขณะเกิดเหตุได้เกิดควันไฟ และมีกลิ่นเหม็น ซึ่งเกิดจากการเสียดสีลากจูงทำให้ล้อครูดไปกับราง และไม้หมอน แต่ไม่ได้ทำให้ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด หัวรถจักรได้ลากโบกี้ที่ 1-5 นำผู้โดยสารเดินทางต่อได้ ส่วนโบกี้ที่ 6-7-8-9-10-11 ถูกปล่อยทิ้งคาอยู่ในอุโมงค์
การรถไฟฯ ได้นำหัวรถจักรนำขบวนโบกี้เปล่าแล่นจากสถานีรถไฟศิลาอาสน์มารับผู้โดยสารที่มากับขบวนรถด่วนนครพิงค์ โดยใช้รถรางพ่วงขนถ่ายผู้โดยสารออกมาขึ้นรถบัสที่สถานีศิลาอาสน์ ซึ่งได้รอรับบริการอยู่ รวมทั้งได้จัดรถบัสอีกหลายคันมาคอยรับผู้โดยสาร ซึ่งจะเดินทางโดยรถไฟทุกขบวนในวันนี้ขึ้นเหนือด้วย
สำหรับค่าเสียหายขณะนี้ยังประเมินไม่ได้ อีกทั้งระยะการซ่อมแซมก็ยังกำหนดไม่ได้
ขณะนี้รถไฟสายเหนือทุกขบวนจะมาจอดรอ และขนถ่ายผู้โดยสารที่สถานีศิลาอาสน์ จ.อุตรดิตถ์เท่านั้น
หลังตกรางทำให้การจราจรของทางรถไฟสายเหนือต้องถูกปิดอีกครั้ง โดยการรถไฟฯ ได้ส่งแรงงาน เครื่องจักรภายใต้การช่วยเหลือของบริษัทอิตาเลียนไทย เข้าไปเร่งซ่อมทางที่ชำรุดโดยเร่งด่วน
แต่เนื่องจากจุดตกรางอยู่ในทางรอดภูเขา หรือถ้ำเขาพลึง ทำให้มีอากาศเบาบาง และมืด พร้อมทั้งช่องของอุโมงค์ถ้ำแคบทำให้การซ่อมแซมกู้เส้นทางดำเนินไปด้วยความยากลำบาก เครื่องจักรขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าไปซ่อมทางได้ ต้องใช้แรงคน ซึ่งทำให้การรถไฟฯ ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าจะสามารถเปิดเส้นทางได้เมื่อใด