ร้อยเอ็ด - ชาวบ้านโนนสวรรค์ อ.เสลภูมิ ชุมนุมต่อต้านการจุดพนันบั้งไฟนอกฤดูกาล ภายในหมู่บ้าน ประชามติไม่ให้จัดแล้วยังดื้อ สุดทนแจ้งตำรวจนอกพื้นที่เข้าสกัด จนต้องเลิกเด็ดขาด แต่ยังแสบหอบเงินของคนที่ซื้อบัตรคนละ 400 บาท รวมกว่า 60,000 บาทหนีไปด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้(1ส.ค.) ที่บ้านโนนสวรรค์ ต.บึงเกลือ อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ชาวบ้านรวมตัวกันที่สี่แยกกลางหมู่บ้าน แสดงความไม่พอใจ ที่มีนักพนันบั้งไฟจากต่างพื้นที่ เข้าไปตั้งร้านบั้งไฟพร้อมกับมีพ่อค้าแม่ค้าต่างถิ่น เข้าไปเตรียมการจัดการจุดบั้งไปที่ท้ายหมู่บ้าน ห่างจากชุมนุมไม่ถึง 200 เมตร และหาทางยับยั้งการเปิดบ่อนพนันบั้งไฟ เพราะมีการทำประชามติหมู่บ้านแล้วว่าไม่ให้จัด
แต่ปรากฏว่ากลุ่มผู้จัดยังไม่ยอมถอนตัวออกไป จึงเคลื่อนไหวคัดค้าน พร้อมกับโทรแจ้งตำรวจนอกพื้นที่เข้าไปตรวจสอบ และสั่งให้หยุดการพนันบั้งไฟดังกล่าวโดยเด็ดขาด
โดยนางกมลทิพย์ ผิวสุพรรณ แกนนำชาวบ้านกล่าวว่า หลังจากที่ตั้งแต่เมื่อวานนี้ มีการเคลื่อนตัวกันเข้ามาเตรียมจัดการพนันบั้งไฟ ก็ได้มีการทำหน้งสือคัดค้านไปยังนายอำเภอ และตำรวจในพื้นที่ว่าไม่เห็นด้วย และไม่ยอมให้มาจุดบั้งไฟในเขตหมู่บ้าน เนื่องจากผิดฤดูกาล ทำให้เกิดปัญหาตกลงไปสร้างความเสียหายกับที่นาของชาวบ้าน สร้างความตื่นตกใจให้กับสัตว์เลี้ยง ผู้คน และเกรงว่าจะเกิดอันตราย
เนื่องจากต่างจากการจัดบั้งไฟตามประเพณี จะต้องจัดที่ห่างไปจากหมู่บ้าน เพื่อให้เกิดความปลอดภัย แต่เมื่อไม่รับฟัง โดยอ้างจ่ายเงินให้กับตำรวจ ฝ่ายปกครอง และสื่อมวลชนแล้ว จึงไม่กลัว ชาวบ้านจึงรวมตัวกันคัดค้าน และเมื่อเห็นว่าร้องเรียนเจ้าหน้าที่ตำรวจและนายอำเภอในพื้นที่ไม่ได้ผล จึงได้ร้องเรียนไปยังกองปราบปราม ตำรวจภูธรจังหวัด และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ให้ส่งกำลังกันเข้ามาจับกุมผู้ฝ่าฝืนมติเพื่อดำเนินคดี หากไม่ดำเนินการให้ก็จะเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
และหลังจากการร้องเรียนไม่นาน ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกพื้นที่ 3 ชุด คือ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.ร้อยเอ็ด โดยการนำของพ.ต.ท.วัชรินทร์ สัตยาคุณ รองผกก.งานป้องกันปราบราม สภ.ธวัชบุรี ทำหน้าที่รักษาการควบคุมงานนปพ. ภ.จว.ร้อยเอ็ด รวมทั้งพ.ต.ท.ชัยพล พลเยี่ยม ชุดปราบปรามอบายมุข ภ.จว.ร้อยเอ็ด และพ.ต.ท.รัตนทัศน์ ศรีพล รองผกก.สืบสวน ภ.จว.ร้อยเอ็ด กว่า 50 นาย ประสานกับพ.ต.ท.ศุภกร ไชยทิพย์ รอง ผกก.ป.สืบสวนสอบสวนสภ.เสลภูมิ นำเข้าไปชี้เป้า เพื่อจับกุมการเล่นการพนันบั้งไฟ
แต่ปรากฏว่ากำลังมีการจำหน่ายตั๋วเข้าไปในพื้นที่คนละ 400 บาท โดยยังไม่มีการจุดบั้งไฟ จึงทำการยึดตั๋ว สั่งให้ยกเลิกการจุดพนันบั้งไฟโดยเด็ดขาด และขอให้ชาวบ้านที่เสียเงินแล้วไปรับเงินคืนจากผู้จัด แต่ปรากฏว่าขณะที่กำลังอยู่ในช่วงชุลมุล และกำลังสำรวจยอดเงินการจำหน่ายตั๋วให้กับชาวบ้าน ที่ไม่พอใจ เนื่องจากกลุ่มผู้จัดไม่ยอมคืนเงินให้ โดยอ้างว่าได้ใช้เป็นค่าใช้จ่ายไปแล้ว สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้าน ที่เสียเงินไปรายละ 400 บาท และบางคนมากัน 5 คน เสียเงินไปถึง 2,000 บาท ก็เรียกร้องต้องการเงินคืน แต่ในที่สุดปรากฏว่าผู้เก็บเงินได้ใช้ช่วงชุลมุล หอบเงินที่เก็บได้ไม่ต่ำกว่า 60,000 บาทหลบหนีไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สั่งให้บรรดาเซียนบั้งไฟ เคลื่อนย้ายบั้งไปออกไป โดยไม่ให้จุดเด็ดขาด จึงต่างพากันทยอยกันกลับไป ในขณะที่ไม่มีการดำเนินคดีนั้น ตำรวจกล่าวถึงสาเหตุว่า ยังไม่มีการจุดบั้งไฟ จึงไม่ได้ดำเนินคดีแต่อย่างใด
