ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น ระบุเหตุข่มขืนผู้รับการบำบัดหญิงเป็นเหตุสุดวิสัย โยนเป็นหน้าที่ของตำรวจในการดำเนินคดีต่อบุคคลที่ลงมือข่มขืน
วันนี้ (1 ส.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 2 โรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น นพ.อิสระ เจียวิริยบุญญา ผู้อำนวยการศูนย์บำบัดยาเสพติดขอนแก่นโรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น พร้อมเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ของโรงพยาบาล ได้ทำความเข้าใจกับสื่อมวลชน กรณีที่มีการเสนอข่าวผู้เข้าบำบัดหญิงชื่อ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ถูกข่มขืน ขณะเข้าบำบัดที่ศูนย์บำบัด รพ.ธัญญารักษ์
ทั้งนี้ ระบุว่า กรณีที่สื่อมวลชนเสนอข่าวเหตุการณ์ที่บิดา มารดา พานางสาวเอ (นามสมมติ) ลูกสาวเข้าบำบัดใน รพ.แล้วเกิดเหตุอนาจารนั้น ตามกฎหมายแล้วผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายไม่น่าจะออกมาให้ข่าว หรือพูดเรื่องนี้ เพราะผู้ที่ตกเป็นข่าวยังเป็นเด็ก เด็กจะกลายเป็นเหยื่อที่ถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะอายุยังน้อย อาจจะให้ผิด พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ส่วนการร้องเรียนการเสนอข่าว ควรจะอยู่ในขอบเขตของกฎหมายด้วยเช่นกัน
เมื่อวันที่ 24 ก.ค.พยาบาลรับแจ้งจากมารดา น.ส.เอว่า น.ส.เอถูกนายปั๊กข่มขืน พยาบาลก็รับเรื่องไว้ตรวจสอบและรายงานเรื่องตามขั้นตอน กระทั่งทราบว่ามีการแจ้งความที่ สภ.ย่อยมหาวิทยาลัยขอนแก่น และพนักงานสอบสวนเจ้าของเรื่องก็มาขอชื่อที่อยู่ของนายปั๊ก เพราะทาง น.ส.เอและญาติต้องการดำเนินคดีต่อนายปั๊ก ทาง รพ.ก็ให้ไป
ประเด็นเรื่องนี้โรงพยาบาลไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ แต่ได้อธิบายทำความเข้าใจกันจนเป็นที่เข้าใจกันทุกฝ่ายแล้ว ฉะนั้นไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม หากผู้ป่วยที่เข้าบำบัดได้รับความเสียหายจากการทำงานของพยาบาล แพทย์ หรือเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลก็จะรับผิดชอบ แต่ในกรณีที่เกิดเรื่องขึ้นขอยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากการรักษาพยาบาลและแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ตามมาตรา 41 ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545
อีกทั้งการให้บริการผู้ป่วยรายนี้ได้ดำเนินการตามแนวทางของระบบคุณภาพของโรงพยาบาล และได้แจ้งให้ญาติได้รับรู้พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้ป่วยให้ทราบตลอดเวลา เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามดำเนินคดีต่อบุคคลที่ข่มขืน
วันนี้ (1 ส.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 2 โรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น นพ.อิสระ เจียวิริยบุญญา ผู้อำนวยการศูนย์บำบัดยาเสพติดขอนแก่นโรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น พร้อมเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ของโรงพยาบาล ได้ทำความเข้าใจกับสื่อมวลชน กรณีที่มีการเสนอข่าวผู้เข้าบำบัดหญิงชื่อ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ถูกข่มขืน ขณะเข้าบำบัดที่ศูนย์บำบัด รพ.ธัญญารักษ์
ทั้งนี้ ระบุว่า กรณีที่สื่อมวลชนเสนอข่าวเหตุการณ์ที่บิดา มารดา พานางสาวเอ (นามสมมติ) ลูกสาวเข้าบำบัดใน รพ.แล้วเกิดเหตุอนาจารนั้น ตามกฎหมายแล้วผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายไม่น่าจะออกมาให้ข่าว หรือพูดเรื่องนี้ เพราะผู้ที่ตกเป็นข่าวยังเป็นเด็ก เด็กจะกลายเป็นเหยื่อที่ถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะอายุยังน้อย อาจจะให้ผิด พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ส่วนการร้องเรียนการเสนอข่าว ควรจะอยู่ในขอบเขตของกฎหมายด้วยเช่นกัน
เมื่อวันที่ 24 ก.ค.พยาบาลรับแจ้งจากมารดา น.ส.เอว่า น.ส.เอถูกนายปั๊กข่มขืน พยาบาลก็รับเรื่องไว้ตรวจสอบและรายงานเรื่องตามขั้นตอน กระทั่งทราบว่ามีการแจ้งความที่ สภ.ย่อยมหาวิทยาลัยขอนแก่น และพนักงานสอบสวนเจ้าของเรื่องก็มาขอชื่อที่อยู่ของนายปั๊ก เพราะทาง น.ส.เอและญาติต้องการดำเนินคดีต่อนายปั๊ก ทาง รพ.ก็ให้ไป
ประเด็นเรื่องนี้โรงพยาบาลไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ แต่ได้อธิบายทำความเข้าใจกันจนเป็นที่เข้าใจกันทุกฝ่ายแล้ว ฉะนั้นไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม หากผู้ป่วยที่เข้าบำบัดได้รับความเสียหายจากการทำงานของพยาบาล แพทย์ หรือเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลก็จะรับผิดชอบ แต่ในกรณีที่เกิดเรื่องขึ้นขอยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากการรักษาพยาบาลและแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ตามมาตรา 41 ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545
อีกทั้งการให้บริการผู้ป่วยรายนี้ได้ดำเนินการตามแนวทางของระบบคุณภาพของโรงพยาบาล และได้แจ้งให้ญาติได้รับรู้พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้ป่วยให้ทราบตลอดเวลา เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามดำเนินคดีต่อบุคคลที่ข่มขืน