ตาก-น้ำเมยล้นตลิ่ง ทะลักท่วมตลาดริมเมยพ่อค้าแม่ค้าขนของหนีวุ่น การค้าเสียหายหนัก ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำเมย เพิ่มสูง อย่างต่อเนื่อง หนักสุดในรอบทศวรรษ
เช้าวันนี้ (29ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝนได้ตกหนักอย่างต่อเนื่องมาหลายวันในพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จังหวัดตาก ทำให้แม่น้ำเมยที่กั้นพรมแดนไทย-พม่า ได้ล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมตลาดริมเมยบริเวณใต้สะพานมิตรภาพไทย-พม่า ซึ่งตลาดแห่งนี้ถือว่าเป็นตลาดย่านการค้าและธุรกิจที่มีการซื้อ-ขายสินค้าหมุนเวียนเงินหลายล้านบาทต่อวัน ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าที่ขายของอยู่ตลาดริมเมยได้เร่งเก็บข้าวของสินค้าออกจากร้านกันอย่างอลหม่าน บางร้านขนของไม่ทันทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก และระดับน้ำเริ่มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังได้รับแจ้งจากนายกิตติมศักดิ์ สีเดือน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 บ้านแม่ตาว ต.ท่าสายลวด ว่ามีบ้านเรือนราษฎรที่อาศัยอยู่ติดริมแม่น้ำถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย มากกว่า 10 หลังคาเรือนแล้ว บางรายท่วมทั้งหลัง ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เป็นอุทกภัยที่หนักสุดในรอบทศวรรษ หรือในรอบ 10 ปี
นายปรีชา ใจเพชร นายอำเภอแม่สอด จ.ตาก และนายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีนครแม่สอด พร้อมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้รุดเดินทางไปตรวจสอบในจุดน้ำท่วมทั้งในเขตเทศบาลนครแม่สอด และชายแดน ต.ท่าสายลวด
นายอำเภอแม่สอดได้สั่งการให้นายกเทศมนตรีตำบลท่าสายลวด กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ตำบลท่าสายลวดได้เร่งลงพื้นที่ไปตรวจสอบความเสียหายและเร่งทำการช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน
ขณะเดียวกัน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 แม่สอด หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 33 ตำรวจตระเวนชายแดน 346 แม่สอด และเจ้าหน้าที่ อส.อ.แม่สอด และอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) และหน่วยกู้ชีพ-กู้ภัยหน่วยต่างๆ ได้เดินทางไปยังพื้นที่เพื่อช่วยเก็บข้าวของสินค้าหนีน้ำจากแม่น้ำเมยที่กำลังเพิ่มระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ และรวดเร็ว
ด้านนายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้ประสานกับหน่วยงานทุกหน่วยงานเพื่อเข้าไปในพื้นที่ทำการช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วนและทันที โดยกำชับให้ทั้งนายอำเภอ-ผู้บริหารท้องถิ่น ทั้งเทศบาลและ อบต.ทุกแห่ง กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานต่างๆ ดูแลผู้ได้รับความเดือดร้อนอย่างใก้ลชิด
รายงานข่าวแจ้งว่า ชาวพม่าที่จังหวัดเมียวดีก็ได้รับความเดือดร้อนและขนของหนีจากริมแม่น้ำไปอาศัยอยู่ตามบ้านญาติและวัดในฝั่งพม่า ส่วนที่อยู่บนเกาะกลางแม่น้ำเมยได้หนีขึ้นฝั่งอย่างจ้าละหวั่น โดยใช้ยางในรถยนต์มาประกอบทำเป็นเรือเพื่อขนของ ผลจากการที่แม่น้ำเมยล้นตลิ่งทำให้มีราษฎรทั้งชาวไทยและพม่าทั้งสองฝั่งริมเมยได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
ในส่วนของเขตเทศบาลนครแม่สอด ซึ่งเป็นย่านการค้าและธุรกิจระดับน้ำยังสูง น้ำจากลำห้วยแม่สอดได้ล้นพนังกั้นลำห้วยแม่สอดไหลเข้าท่วมถนนและบ้านเรือนราษฎรและร้านค้า และวัดหลายแห่งถูกน้ำท่วม พระสงฆ์ต้องใช้เรือพายออกมาบิณฑบาตตั้งแต่เช้า เนื่องจากถนนสายหลักสายต่างๆ ในเขตเทศบาลนครแม่สอดมีน้ำท่วมทั้งหมด พระสงฆ์จึงต้องนำเรือออกมาใช้เพื่อบิณฑบาต อย่างไรก็ตาม ในวันนี้มีชาวบ้านจำนวนน้อยที่มาตักบาตร เพราะฝนยังตกหนักและน้ำท่วม ซึ่งเหตุการณ์ฝนตกน้ำท่วม อ.แม่สอดครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายและผลกระทบอย่างมาก
