บุรีรัมย์ - หมอบุรีรัมย์เปิดคลินิกตรวจรักษาฟรีประชาชนที่เจ็บป่วยและยากจน เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต และทำดีเพื่อ “พ่อหลวง” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 จนได้รับขนานนามว่า “หมอผู้ใจบุญ” เผยมีชาวบ้านแห่เข้าคิวรับบริการกว่าพันคน
วันนี้ (18 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนชรา และผู้ยากไร้จำนวนมากแห่มาเข้าคิวรอรับการตรวจรักษาโรคที่ “คลินิกหมอสนธยา” ของ นพ.สนธยา วัฒนโกศล หรือเป็นที่รู้จักกันดีในนาม “หมอผู้ใจบุญ” ตั้งอยู่ริมถนนนิวาศ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่เปิดให้บริการตรวจรักษาโรคฟรีทุกวันที่ 18 กรกฎาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ “สมเด็จย่า” เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จย่าที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย และเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโครงการ “ทำดีเพื่อพ่อหลวง”
โดยตลอดทั้งวันนี้มีประชาชนมารับบริการตรวจรักษาโรคต่างๆ ฟรีไม่ต่ำกว่า 1,000 คน ส่วนมากเป็นชาวบ้านและเกษตรกรที่เจ็บป่วยเนื่องจากการทำงานหนัก นอกจากนั้นยังมีผู้มีจิตศรัทธา และห้างร้านต่างๆ ได้นำน้ำดื่ม และอาหารมาแจกจ่ายชาวบ้านที่มาตรวจรักษาได้ดื่ม และรับประทานฟรีอีกด้วย
นพ.สนธยา วัฒนโกศล กล่าวว่า อดีตเป็นแพทย์ประจำอยู่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ ได้ลาออกมาเปิดคลินิกนานกว่า 10 ปีแล้ว หลังจากที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรคตเมื่อปี 2538 ก็ได้เปิดให้บริการตรวจรักษาฟรีแก่ประชาชนที่เจ็บป่วย และมีฐานะยากจนต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ปีละ 2 ครั้ง ในวันที่ 5 ธันวาคม และ 18 กรกฎาคม ซึ่งปีนี้ก็เป็นปีที่ 18 แล้ว โดยใช้งบประมาณส่วนตัวในการซื้อเวชภัณฑ์ยา นอกจากนั้นยังได้มีทีมแพทย์ พยาบาล จากโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ และผู้มีจิตอาสามาช่วยให้บริการตรวจรักษา และแจกจ่ายยาแก่ผู้ป่วยที่เข้ามารับบริการอีกด้วย
นพ.สนธยากล่าวอีกว่า ส่วนมากประชาชนที่มารับการตรวจรักษาฟรีเป็นกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ชาวนาที่เจ็บป่วยเนื่องจากการทำงานหนัก อย่างไรก็ตาม ตนได้ตั้งปณิธานไว้ว่าจะเปิดให้บริการตรวจรักษาโรคฟรีแก่ประชาชนไปตลอดเป็นประจำทุกปีจนกว่าจะหมดลมหายใจ เพื่อเป็นการตอบแทนคุณแผ่นดินและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จย่า และพ่อหลวงของปวงชนชาวไทย
“หวังว่าการทำความดีในครั้งนี้จะเป็นการจุดประกายให้คนไทยทั้งประเทศได้หันมาร่วมกันทำความดีเพื่อพ่อหลวงในรูปแบบต่างๆ เพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยย่อท้อเพื่อพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดด้วย” นพ.สนธยากล่าว
