อ่างทอง - ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดเขียน อายุหลายร้อยปีสภาพสุดโทรม หลังฝนตกหนัก ความชื้นทำลายภาพเสียหาย ขณะที่กรมศิลปากรทำได้เพียงซ่อมแซม
วันนี้ (16 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัดเขียน ต.ศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง หลังทราบว่า พระอุโบสถปิด เนื่องจากเกรงว่าภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยกรุงศรีอยุธยา จะได้รับผลกระทบจากความชื้นของฝน ทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้าเยี่ยมชมได้
จากการขออนุญาตเข้าไปตรวจสอบความเสียหาย พบว่า ภาพบนผนังที่เขียนด้วยสีไม้ทางทิศใต้เรื่องมโนราห์ ประตูด้านขวามือพระประธาน เรื่องพระสุธนชาดก ซ้ายมือ เรื่องพระเวสสันดรชาดก ต่อมา เป็นเรื่องของจันทกุมาร ภูริทัต มหาชนก สุวรรณสาม เหนือรูปเหล่านี้เขียนเป็นภาพเทพชุมนุม ด้านหลังพระประธานเขียนเป็นภาพดอกไม้ และลายเฟื่องอุบะ
โดยภาพส่วนใหญ่ใช้สีแดงสดเป็นพื้น ซึ่งเป็นสีฝุ่น หรือเขม่าจากธรรมชาติ พบว่า ผุกร่อนได้รับความเสียหายจากน้ำฝน และเสียหายเพิ่มเติมจากความชื้น ความร้อน และฝีมือมนุษย์
พระครูพิศาลกิจจานุกิจ เจ้าอาวาสวัดเขียน เปิดเผยว่า ช่วงนี้มีฝนตกชุกเกือบทุกวันจึงจำเป็นต้องปิดโบสถ์เพื่อป้องกันไอน้ำฝน และความชื้นที่อาจทำให้ภาพจิตรกรรมเสียหายเพิ่มเติม หากมีนักท่องเที่ยวขอเยี่ยมชมเราก็อนุญาตไม่ขัดศรัทธรา ส่วนการจะบูรณะซ่อมแซมคงทำไม่ได้เพราะมีข้อห้ามไว้ โดยทางกรมศิลปากร ได้มาซ่อมแซมให้อยู่ในภาพเดิมไปแล้วเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่หลังจากฝนตกต่อเนื่องทำให้ความชื้นจากน้ำฝนทำความเสียหายให้แก่ภาพ เมื่อเป็นเช่นนี้ภาพโบราณก็ย่อมผุกร่อนตามกาลเวลา
ขณะที่นายพิชัย รุ่งแจ้ง หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ สำนักศิลปากรที่ 3 กล่าวว่า ภาพจิตรกรรมดังกล่าวได้รับการซ่อมแซมโดยอนุรักษ์ให้คงสภาพเดิมไว้ แต่ไม่สามารถทำการบูรณะได้ เพราะจะทำให้ภาพเขียนเสียคุณค่าไป ซึ่งทางสำนักงานศิลปากรที่ 3 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบสภาพของภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นระยะอยู่แล้ว และให้คำแนะนำแก่วัดต่างๆ ในการดูแลรักษา เพื่อไม่ให้เสียหายไปตามกาลเวลา โดยเตรียมจัดถวายความรู้การดูแลรักษาให้แก่วัดที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังต่อไป
วันนี้ (16 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัดเขียน ต.ศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง หลังทราบว่า พระอุโบสถปิด เนื่องจากเกรงว่าภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยกรุงศรีอยุธยา จะได้รับผลกระทบจากความชื้นของฝน ทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้าเยี่ยมชมได้
จากการขออนุญาตเข้าไปตรวจสอบความเสียหาย พบว่า ภาพบนผนังที่เขียนด้วยสีไม้ทางทิศใต้เรื่องมโนราห์ ประตูด้านขวามือพระประธาน เรื่องพระสุธนชาดก ซ้ายมือ เรื่องพระเวสสันดรชาดก ต่อมา เป็นเรื่องของจันทกุมาร ภูริทัต มหาชนก สุวรรณสาม เหนือรูปเหล่านี้เขียนเป็นภาพเทพชุมนุม ด้านหลังพระประธานเขียนเป็นภาพดอกไม้ และลายเฟื่องอุบะ
โดยภาพส่วนใหญ่ใช้สีแดงสดเป็นพื้น ซึ่งเป็นสีฝุ่น หรือเขม่าจากธรรมชาติ พบว่า ผุกร่อนได้รับความเสียหายจากน้ำฝน และเสียหายเพิ่มเติมจากความชื้น ความร้อน และฝีมือมนุษย์
พระครูพิศาลกิจจานุกิจ เจ้าอาวาสวัดเขียน เปิดเผยว่า ช่วงนี้มีฝนตกชุกเกือบทุกวันจึงจำเป็นต้องปิดโบสถ์เพื่อป้องกันไอน้ำฝน และความชื้นที่อาจทำให้ภาพจิตรกรรมเสียหายเพิ่มเติม หากมีนักท่องเที่ยวขอเยี่ยมชมเราก็อนุญาตไม่ขัดศรัทธรา ส่วนการจะบูรณะซ่อมแซมคงทำไม่ได้เพราะมีข้อห้ามไว้ โดยทางกรมศิลปากร ได้มาซ่อมแซมให้อยู่ในภาพเดิมไปแล้วเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่หลังจากฝนตกต่อเนื่องทำให้ความชื้นจากน้ำฝนทำความเสียหายให้แก่ภาพ เมื่อเป็นเช่นนี้ภาพโบราณก็ย่อมผุกร่อนตามกาลเวลา
ขณะที่นายพิชัย รุ่งแจ้ง หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ สำนักศิลปากรที่ 3 กล่าวว่า ภาพจิตรกรรมดังกล่าวได้รับการซ่อมแซมโดยอนุรักษ์ให้คงสภาพเดิมไว้ แต่ไม่สามารถทำการบูรณะได้ เพราะจะทำให้ภาพเขียนเสียคุณค่าไป ซึ่งทางสำนักงานศิลปากรที่ 3 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบสภาพของภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นระยะอยู่แล้ว และให้คำแนะนำแก่วัดต่างๆ ในการดูแลรักษา เพื่อไม่ให้เสียหายไปตามกาลเวลา โดยเตรียมจัดถวายความรู้การดูแลรักษาให้แก่วัดที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังต่อไป