กาญจนบุรี - ตำรวจสะกดรอยจากหยดเลือด ช่วย นศ.วิทยาลัยเกษตรถูกทำร้ายบาดเจ็บกลางดึก เจ้าตัวอ้างรถล้มแล้ววิ่งหนี
เมื่อเวลา 01.30 น. วันนี้ (14 ก.ค.) พ.ต.ท.สุคนธ์ รัสเอี่ยม พนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.กาญจนบุรี รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า เห็นชายวัยรุ่น 2 คน ขับรถจักรยานยนต์แล้วทิ้งรถวิ่งหลบหนี เหตุเกิดที่ปากซอยสุพีเรีย เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย ร.ต.ท.วรชาติ พันธ์โภคา รอง สวป.สภ.เมือง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์
พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ 110 สีขาวแดง ทะเบียน ขกว 738 สมุทรสาคร ล้มคว่ำอยู่ที่ปากซอย มีคราบเลือดติดอยู่ที่เบาะ และท่อไอเสีย ใกล้กันพบรองเท้าแตะตกอยู่ 2 คู่ ทราบจากชาวบ้านว่า เห็นวัยรุ่น 2 คน วิ่งเข้าไปในซอยแล้วหายตัวไป เจ้าหน้าที่จึงนำรถจักยานยนต์ขึ้นไปไว้บนรถยนต์สายตรวจ ก่อนที่จะค้นหาวัยรุ่นทั้ง 2 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าคงได้รับบาดเจ็บ โดยมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ กระจายกำลังกันออกค้นหา
เมื่อไปถึงห้องเช่าเลขที่ 188/1 พบวัยรุ่น 5-6 คน ยืนอยู่หน้าห้อง เมื่อเห็นตำรวจได้วิ่งเข้าไปหลบภายในบ้านพร้อมล็อกประตู เจ้าหน้าที่จึงเรียกเพื่อสอบถาม แต่กลุ่มวัยรุ่นที่หลบอยู่ภายในไม่ยอมเปิดประตู จนเจ้าหน้าที่พบเลือดหยดเป็นทางเข้าไปภายในห้องเช่า จึงตะโกนบอกว่าเจ้าหน้าที่มาเพื่อให้ความช่วยเหลือไม่ได้มาจับกุมแต่อย่างใด กลุ่มวัยรุ่นจึงยอมเปิดประตูให้เข้าไปภายในบ้าน
ตรวจสอบพบ นายป้อม ศิลาทอง อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/พ หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ปาก และจมูกมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด จึงให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์กาญจน์ช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยเมื่อถอดเสื้อแขนยาวออกพบว่า บริเวณข้อศอกขวามีผ้าสีขาวพันแผลเอาไว้ มีเลือดไหลออกมาตลอดเวลา เมื่อเอาผ้าพันแผลออกปรากฏว่า ข้อศอกหักผิดรูป มีกระดูกโผล่ออกมาเจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล
สอบถาม นายธนพล เขตคีรีวิลาศ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 126 ต.นาสวน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ให้การว่า ตนกับผู้บาดเจ็บเป็นนักศึกษาวิทยาลัยเกษตรกาญจนบุรี ตนเรียนอยู่ ปวช.ปี 2 ส่วนเพื่อนอยู่ ปวช.ปี 3 ช่วงเย็นที่ผ่านมา ตนพร้อมเพื่อนจำนวนหนึ่งไปเช่าแพล่องริมน้ำหน้าเมือง โดยดื่มเหล้าไปด้วย หลังเลิกจึงขับรถจักรยานยนต์ของผู้บาดเจ็บกลับมาบ้านเช่า โดยมีนายป้อม เป็นคนนั่งซ้อนท้าย เมื่อมาถึงปากซอยรถเกิดเสียหลักล้ม ตนกับเพื่อนจึงทิ้งรถไว้ข้างทางแล้ววิ่งเข้าบ้าน
แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากหากรถจักรยานยนต์เสียหลักล้มแล้วทำไมต้องทิ้งรถวิ่งหลบหนี ซึ่งนายธนพล ไม่สามารถตอบคำถามได้ บอกแต่ว่าสาเหตุที่วิ่งหลบหนีเพราะมีรถยนต์ขับรถตามหลังมา ด้วยความกลัวว่าจะถูกทำร้ายจึงตัดสินใจทิ้งรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปอยู่ในบ้านเช่า ทั้งนี้ นายธนพล ตอบคำถามวกไปวนมา อีกทั้งบอกว่าไม่ทราบมาก่อนว่านายป้อม บาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงนำตัว นายธนพล ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.เมือง
จากการสอบถาม นายป้อม ให้การวกไปวนมาเช่นกัน และดูเหมือนต้องการปกปิดความจริง โดยขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังปฐมพยาบาล ปรากฏว่า มีกลุ่มเพื่อนของทั้งสองรวม 8 คน ขับรถยนต์มาสอบถามอาการของ นายป้อม โดย 1 ใน 8 คน บอกต่อเจ้าหน้าที่ว่า เพื่อนโทรศัพท์ตาม และบอกว่าถูกมีดแทงได้รับบาดเจ็บ กำลังหลบอยู่ในบ้านเช่า ส่วนรถจักรยนต์ทิ้งไว้ที่ปากซอย ด้วยความเป็นห่วงจึงเดินทางมาดูอาการ ส่วนสาเหตุนั้นพวกตนไม่ทราบ เพราะหลังจากขึ้นจากแพต่างก็แยกย้ายกันกลับ
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นภายในรถยนต์ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จึงสั่งให้ทุกคนกลับบ้าน ส่วนนายป้อม เจ้าหน้าที่จะนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำร่วมกับ นายธนพล เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เนื่องจากทั้งสองยังให้การขัดแย้งกับกลุ่มเพื่อน อีกทั้งยังมีคราบเลือดบนเบาะรถจักรยานยนต์ซึ่งไม่ตรงกับคำให้การว่ารถล้ม
