รายงานพิเศษ...
“ยาเสพติด” กลับมาแพร่ระบาดหนักเพิ่มความรุนแรงอีกครั้ง ทั้งยังกระจายเป็นหลายชนิดทุกประเภทเข้าสู่สังคม โดยเฉพาะชุมชนเมืองใหญ่อย่างเช่น กรุงเทพมหานคร โดยตอนนี้จะพบว่า ขบวนการค้ายาเสพติดที่ใหญ่ที่สุด และยังคงมีการเดินหน้ากระจายยาเสพติดในพื้นที่ประเทศไทยคงจะไม่พ้นชื่อ “พ.ท.ยี่เซ” ซึ่งเป็นขบวนการใหญ่ที่ยังไม่มีการสิ้นสุด และล่าสุดพบว่า เครือข่ายนี้เริมเข้ามายึดพื้นที่ใกล้เคียงกรุงเทพฯ เช่น จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ปทุมธานี เป็นต้น เป็นแหล่งพักยาเสพติดที่สำคัญมากขึ้นเพื่อรอการนำเข้าไปในเขตกรุงเทพฯ
โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ช่วงนี้กำลังตกเป็นเป้าหมายหลักที่กำลังตกเป็นแหล่งที่เหมาะแก่การนำยาเสพติดมาพัก เนื่องจากเป็นทั้งจุดที่มีเส้นทางทั้งเหนือ และอีสาน สามารถผ่านได้อย่างไม่ยากนัก รวมถึงมีนิคมอุตสาหกรรมมากมาย ที่จะเป็นการกระจายยาเสพติดไปยังกลุ่มเป้าหมายแรงงาน อีกทั้งที่ผ่านมา ก็มีการขยายตัวของชุมชนอย่างรวดเร็ว มีหอพัก บ้านเช่า อพาร์ตเมนต์เป็นจำนวนมาก ทำให้กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดได้ใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งพักยาเพื่อเตรียมกระจายออกไป โดยเฉพาะเส้นทางสำคัญที่จะมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ ไม่ยากนัก
ตลอดระยะเวลาเพียง 3 เดือนที่ผ่านมา แม้กำลังเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แม้จะมีการปราบปราม กวาดล้างจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา อย่างต่อเนื่องเพียงใดก็ตาม ก็ไม่สามารถทำให้ขบวนการค้ายานรกเหล่านั้นลดน้อยลงไปไม่ แต่กลับมีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเครือข่ายยาเสพติดอย่าง “พ.ท.ยี่เซ” ด้วย ซึ่งได้เข้ามาใช้พื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นแหล่งซุกพักยามากขึ้นตามลำดับอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย
จับล็อตแรกมูลค่ากว่า 280 ล้านบาท
สังเกตจากการจับกุมที่ทาง ป.ป.ส. สามารถจับกุมได้เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 28 พ.ค.56 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.เพียรพันธ์ ดามมาพงศ์ ที่ปรึกษากองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) พร้อมกำลังตำรวจ ปส.กว่า 50 นาย เข้าตรวจสอบยาบ้า จำนวน 1,400,000 เม็ด มูลค่ากว่า 280 ล้านบาท ที่บริเวณต่างระดับบางปะหัน ถนนสาย 347 ปทุมธานี-บางปะหัน ตัดกับถนนสายเอเชีย ม.3 ต.ขวัญเมือง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา พบรถยนต์เก๋งมิตซูบิชิ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ชห 532 กรุงเทพมหานคร ภายในป่าข้างทางประมาณ 50 เมตร พบกระสอบปุ๋ย 7 กระสอบซุกซ่อนกระจายอยู่ ภายในมียาบ้าที่บรรจุเป็นมัดๆ รวม 1,400,000 เม็ด โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาเป็นหญิงได้ 3 ราย คือ น.ส.กณิศนันท์ เจริญทั้งสิริสุข อายุ 23 ปี น.ส.สัณหพร หวังใจ อายุ 32 ปี และ น.ส.รัสรินทร์ เลิศยศธนากานต์ อายุ 56 ปี ทั้งหมดเป็นชาว จ.เชียงราย
โดยครั้งนั้น พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส. เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.ได้สืบสวนจนทราบว่า จะมีการนำยาบ้าล็อตใหญ่เข้าในพื้นที่กรุงเทพฯ จึงได้เฝ้าติดตามจนทราบว่า จะมีการนำยาบ้าซุกซ่อนในป่าที่เกิดเหตุ เชื่อว่าจะต้องมีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดมารับยาบ้า จึงได้กระจายกำลังเฝ้าจุดที่มีการซุกซ่อนยาบ้าเอาไว้มาหลายวันแล้ว จนกระทั่งมีหญิงสาว 3 คนขับรถเข้ามาจอด และเข้าไปเพื่อขนยาบ้ากำลังเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวจับกุมผู้ต้องหาได้
รวบได้อีกมูลค่ากว่า 250 ล้าน ทั้งยาบ้า-ไอซ์
ต่อมา เวลา 09.30 น. วันที่ 19 มิ.ย.56 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.กรเอก เพชรไชยเวส ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกำลังตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด และกำลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางปะอิน เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 47/44 ม.3 ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ภายในหมู่กิตติลาวัลย์ มีนายเกรียงศักดิ์ โชติพงศ์นิรันดร์ อายุ 27 ปี บ้านเดิมอยู่ อ.สูงเม่น จ.แพร่ เป็นเจ้าของบ้าน ได้ถูกเจ้าหน้าควบคุมตัวไปสอบสวน เนื่องจากสืบทราบมาว่า นายเกรียงศักดิ์ มีส่วนในการขนยาบ้า จำนวน 1,400,000 เม็ด มาพักที่บ้านหลังดังกล่าว
จากการตรวจค้นพบว่า บ้านหลังดังกล่าวทำประตูรั้วปิดอย่างมิดชิดมองไม่เห็น ภายในบ้านพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าอีก 500,000 เม็ด ยาไอซ์ 30 กิโลกรัม สอบสวนนายเกรียงศักดิ์ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยาบ้า และยาไอซ์ทั้งหมดได้ขนมาจากภาคเหนือ ใช้รถยนต์เก๋งเปอโยต์ สีเขียว หมายเลขทะเบียน ธท 2554 กรุงเทพมหานคร แล้วนำมาเก็บไว้ในบ้านหลังดังกล่าวเพื่อเตรียมขนเข้ากรุงเทพฯ อีกทอดหนึ่ง คิดเป็นมูลค่าทั้งยาบ้า และยาไอซ์ กว่า 250 ล้านบาท ส่วนบ้านที่ผู้ต้องหาใช้เป็นที่พักยาเสพติดนี้ นายเกรียงศักดิ์ เพิ่งจะซื้อมาด้วยเงินสดในราคา 700,000 บาท ได้เพียง 1 เดือน โดยเชื่อว่ากลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดกลุ่มนี้เป้นเครือข่าย “พ.ท.ยี่เซ”
แม้ว่าเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 มิ.ย.56 เดือนเดียวกับที่ศูนย์บริหารสาธารณูปโภคและสิ่งแวดล้อมภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารสุข พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. นพ.บุญชัย สมบูณณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เป็นประธานเผาทำลายยาเสพติดให้โทษของกลางที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้ริบของกลางนำมาเผาทำลายกว่า 3,363 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 10,080 ล้านบาท รวมถึงกัญชาของกลางอีก 2,603 กิโลกรัม โดยเป็นความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกาศร่วมปฏิบัติการวาระแห่งชาติ “พลังแผ่นดิน เอาชนะยาเสพติด” เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดสากล แต่ยาเสพติดก็ยังไม่หมดไปเสียที ดูว่าจะกลายเป็นการเร่งผลิตเข้ามาเพิ่มมากขึ้น และกระจายออกไปเป็นวงกว้างขึ้นอีก
ป.ป.ส.บุกจับได้อีก 300 ล้านบาท
ต่อมา เวลา 14.00 น. วันที่ 5 ก.ค.56 ที่บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท.เลขที่ 195 ม.3 ต.บ้านเลน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ริมถนนสายเอเชีย กม 4-5 พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พร้อมด้วยนายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.วุฒิพงศ์ เพ็ชรกำเนิด รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติด “พ.ท.ยี่เซ”
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ส. และตำรวจภูธรภาค 5 ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามกลุ่มเครือข่ายนักค้ายาเสพติดของกลุ่ม พ.ท.ยี่เซ มาอย่างต่อเนื่อง โดยจะนำยาเสพติดจากภาคเหนือไปจำหน่ายตามแหล่งแพร่ระบาดในชุมชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง
ในการจับกุมครั้งนี้ทราบแน่ชัดว่า จะมีการลักลอบขนยาเสพติดจาก จ.เชียงราย ไปส่งยังกรุงเทพฯ โดยจะนำยาเสพติดทั้งหมดพักไว้ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จนกระทั่งเจ้าหน้าที่พบรถยนต์เก๋งฮอนด้าซีวิค สีเทา หมายเลขทะเบียน ฌผ 8492 กรุงเทพมหานคร ขับเข้ามาจอดในปั๊มน้ำมัน จึงแสดงตัวขอตรวจค้นพบตัว นายสมพงษ์ เขียวพระอินทร์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9849/2 ม.1 ต.สระพระ อ.พระทองคำ จ.นครราชสีมา และนางบาหยัน ผุเพชร อายุ 28 ปี เป็นชาวลาว
จากการตรวจค้นภายในรถพบยาบ้า จำนวน 200,000 เม็ด ยาไอซ์ 4 กิโลกรัม สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คนทราบว่า นอกจากยาบ้าจำนวนดังกล่าวที่จับกุมได้แล้ว ยังมียาบ้าอีกจำนวนหนึ่งที่คนร้ายการไปซุกซ่อนไว้ในพงหญ้าใกล้กับปั๊มน้ำมัน จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจค้นพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่จริงในพงหญ้าใต้ต้นไม้ริมถนนสายเอเชีย ใส่ไว้ในถุงดำ เป็นยาบ้า 300,000 เม็ด ยาไอซ์ 6 กิโลกรัม รวมยาบ้าทั้งหมด 500,000 แสนเม็ด ยาไอซ์ 10 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 300 ล้านบาท
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า สำหรับ นายสมพงษ์ มีประวัติถูกจับกุมในคดียาเสพติดมาแล้ว 2 ครั้ง คดีครอบครองยาบ้าเพื่อจำหน่าย รับสารภาพถูกจำคุก 5 ปี 8 เดือน ครั้งที่ 2 ถูกจับกุมข้อหาเสพ ได้หลบหนีออกจากสถานบำบัด จนกระทังมาถูกจับกุม
ส่วนหญิงสาวที่นั่งมาในรถด้วย นายสมพงษ์ เพิ่งจะคบหากันเป็นแฟนสาว ซึ่งหญิงสาวไม่รู้ว่าเป็นการถูกหลอกให้นั่งรถมาเป็นเพื่อน โดยนายสมพงษ์ บอกว่า เพื่อเป็นการตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจในด่านตรวจไม่สงสัยเพราะมีหญิงสาวหน้าตาดีนั่งมาด้วย
สำหรับยาบ้าทั้งหมดจากการสังเกตพบว่า เพิ่งจะมีออกมาจากโรงงานผลิตเนื่องจากสีของยาบ้ายังสดอยู่ นอกจากนี้ ที่พลาสติกที่หอยาบ้ายังมีการเขียนอักษร AA-999 เป็นยาบ้าล็อตที่จะส่งเข้ากรุงเทพฯ
สำหรับยาบ้าชุดนี้จะมีคนมารับอีกทอดหนึ่ง แต่คาดว่าคงไหวตัวทันเสียก่อนจึงไม่มารับยาบ้าชุดนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวน ตรวจสอบ และอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาก่อนขยายผลติดตามพวกรวมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ยิ่งจับยานรกยิ่งเพิ่มรอทะลักเข้ากรุง
ล่าสุด เวลา 12.00 น. วันที่ 7 ก.ค.56 พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ต.กรเอก เพชรไชยเวส ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา นายภัคพงศ์ ทวิพัฒนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปะอิน เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ได้เข้าตรวจสอบภายในหอพักมาดี เลขที่ 404 เลขที่ 399/19 ม.2 ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ตรงข้ามกับนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ พบยาบ้าอีกจำนวน 51,600 เม็ดอาวุธปืนขนาด.38 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืนขนาด.38 จำนวน 23 นัด เสื้อเกราะกั้นกระสุน 1 ตัว อุปกรณ์ในการเสพยาบ้า 3 ชุด
พล.ต.อ.พงศพัศ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการจับกุมนายสมพงษ์ เขียวพระอินทร์ เครือข่ายนักค้ายาเสพติดของ พ.ท.ยี่เซ ได้ที่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมยาบ้า 500,000 เม็ด ไอซ์ 10 กิโลกรัม เมื่อวันที่ 5 ก.ค.56 ที่ผ่านมา มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท และต่อมา พล.ต.ต.กรเอก เพชรไชยเวส ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งจากประชาชนพบเห็นบุคคลคล้ายกับนายสมพงษ์ ก่อนที่จะถูกจับกุมมีพฤติกรรมเดินเข้าออกช่วงกลางคืนอย่างผิดปกติ และสะพายกระเป๋าเข้าออกอยู่เป็นประจำโดยไม่มีการนอนพักอาศ้ยอยู่ในห้องที่เกิดเหตุ จึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบ พบว่า มีนางสุกัลญา ปุมสันเทียะ เป็นผู้ทำสัญญาเช่าระยะเวลา 3 เดือน
ส่วนนายสมพงศ์ เป็นผู้พักอาศัยในห้องเช่าไว้เป็นที่ซุกซ่อนพักยาเสพติด และใช้เป็นสถานที่นัดหมายส่งมอบยาให้แก่กลุ่มนักค้ายาเสพติดรายย่อย ทั้งในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จ.อ่างทอง รวมทั้งชุมชนในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยมีเด็ก เยาวชน และกลุ่มผู้ใช้แรงงานเป็นลูกค้ารายใหญ่
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ยาบ้าชุดนี้จะมีการเขียนสัญลักษณ์เอาไว้ที่ห่อยาบ้าเป็นตัวอักษร A-99 หมายถึงยาบ้าที่ขายส่งให้แก่ลูกค้าในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จ.อ่างทอง โดยเฉพาะในสวนอุตสาหกรรมโรจนะ แต่ถ้าเป็น AA-999 จะส่งข่ายในกรุงเทพฯ
สำหรับพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เฝ้าติดตามอยู่ 5 จุดคือ อ.บางปะหัน อ.อุทัย อ.วังน้อย อ.เสนา และ อ.บางปะอิน สำนักงาน ป.ป.ส.ได้จับตาดูเป็นพิเศษ และติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักค้ายาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีนิคมอุตสาหกรรม และเป็นที่ตั้งของหอพัก บ้านเช่า อพาร์ตเมนต์เป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมา มีการขยายตัวของชุมชนอย่างรวดเร็ว กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดจึงได้ใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งพักยา ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส.ได้กำหนดมาตรการเชิงรุกเพื่อเข้าปราบปรามจับกุมกลุ่มนักค้ายาเสพติดเหล่านี้อย่างเด็ดขาดภายในเดือนนี้ โดยจะมีการบูรณาการกับฝ่ายปกครอง ตำรวจในพื้นที่ และประสานกับ ปปง.เพื่อดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งหมดเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เข้าจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดในพื้นที่ดังกล่าวมาแล้วหลายเครือข่าย และสามารถยึดทรัพย์สินได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจากข้อมูลในเชิงลึกพบว่า มีเครือข่ายที่จะต้องดำเนินการเพิ่มเติมอีก 5 เครือข่าย ส่วนใหญ่จะเชื่อมโยงกับกลุ่มนักค้ายาเสพติดที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ และบางกลุ่มยังคงติดต่อกับนักโทษยาเสพติดที่ถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ
โดยยาเสพติดทั้งหมดเท่าที่ตรวจสอบได้ในระยะหลังปรากฏว่า เป็นของกลุ่ม “พ.ท.ยี่เซ” ที่ลักลอบลำเลียงจากพื้นที่ภาคเหนือ ได้แก่ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย จ.แม่ฮ่องสอน และนำยาเสพติดมาพักรอไว้ตามหอพัก บ้านพัก ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จ.อ่างทอง จ.ลพบุรี จ.ปทุมธานี และ จ.สุพรรณบุรี ก่อนนำกระจายไปยังชุมชนในพื้นที่ และชุมชนในกรุงเทพมหานคร
เพียงแค่ 3 เดือนในกรุงเก่ามียานรกซุกร่วมมูลค่ากว่า 1 พันล้าน
ปัจจุบัน นับว่านักค้ายาเสพติดรายนี้เป็นแก๊งใหญ่ ซึ่งทาง ป.ป.ส.จะทำการสอบสวน และทำการขยายผลต่อไป ทราบว่าปัจจุบันนักค้ายาเสพติดจะใช้วิธีการซื้อบ้านราคาถูกที่มีพื้นที่อยู่ในชานเมืองใกล้กับกรุงเทพฯ เพื่อนำยาเสพติดมาพักเอาไว้เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งยังเป็นเสมือนเครือข่ายใยแมงมุมที่สามารถกระจายได้อย่างง่ายดาย โดยสร้างเครือข่าวตามชุนมารับยาจากที่พักไปกระจายในพื้นที่ต่างๆ ที่มักจะมีผู้เสพ ผู้ค้าหลายรายที่ยังคงแฟงตัวตามชุมชน ทั้งหอพัก บ้านเช่า หรือการลงทุนเพียงไม่กี่แสนของขบวนการยาเสพติดที่นำเงินไปซื้อบ้านชานเมืองสักหลักเก็บซ่อนปิดบังเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โดยพบว่าแนวโน้มการระบาดของยาเสพติดอยู่ในเกณฑ์ที่น่าห่วง ล่าสุด องค์การสหประชาชาติได้รายงานว่าปี 2553 ทั่วโลกมีผู้เสพสารเสพติดอายุอยู่ระหว่าง 15-64 ปี มีจำนวนประมาณ 153-300 ล้านคน สำหรับประเทศไทย โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดให้การแก้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ จัดตั้งศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด โดยตั้งเป้าบำบัดให้ได้ไม่ต่ำกว่า 3 แสนคนต่อปี ปริมาณยาเสพติดให้โทษของกลางที่ อย.ตรวจรับพบว่ามีปริมาณสูงขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2555 เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 80 ส่วนมากที่พบเป็นยาบ้า
ตลอดเพียง 3 เดือนที่ผ่านมา จ.พระนครศรีอยุธยา มีการจับกุมยาเสพติดรายใหญ่รวมมูลค่านับกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่มหาศาล ซึ่งเราลองคิดทบทวนดูสิว่า ถ้ายาทั้งหมดนี้หลุดรอดการจับกุมไปได้ จะส่งผลที่ตามมาให้แก่ประเทศไทยสาหัสขนาดไหน ถ้าเราไม่มองมุมกว้าง ลองมองเพียงแค่จังหวัดเดียว เราจะยอมปล่อยให้ยาเสพติดพวกนี้เข้ามาในบ้านของเราได้ง่ายเช่นนี้เลยหรือ หรือเราจะทำการปกป้องเป็นเหมือนหู ตา จมูก อีกแรงสำคัญให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันแจ้งเบาะแส ช่วยกันกำจัดให้หมดไป เพื่อ ลูก หลาน ของเราจะได้โตมาเป็นคนที่เข็มแข็งในสังคม เพียงแค่เราหันมาช่วยกันคนละนิด คนละหน่อย บ้านเมืองก็จะเข้มแข็งไร้ซึ่งยาเสพติดได้