xs
xsm
sm
md
lg

จับแล้วโจ๋ 19 มือปาหินใส่รถนักศึกษาปี 1 บาดเจ็บสาหัส ก่อนคุมตัวทำแผน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - ผบช.ภ.7 นำทีมแถลงข่าวจับกุมโจ๋วัย 19 ปี มือมืดปาหินใส่กระจกรถกระบะเป็นเหตุทำให้ “น้องเจน” นักศึกษาปี 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บาดเจ็บสาหัส ก่อนคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ขณะทำแผนมีชายนิรนามแฝงตัวสาวหมัดใส่ผู้ต้องหา ท่ามกลางสายตาไทยมุงนับร้อย

จากเหตุการณ์มือมืดปาหินใส่กระจกรถยนต์กระบะที่ น.ส.เจนจิรา หรือน้องเจน ทองไชย อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/132 หมู่ 3 ต.คูบัว อ.เมือง จ.ราชบุรี นักศึกษาปี 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม ขณะนั่งโดยสารมากับนายชาคร สุขวัฑฒโก เพื่อนชาย จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนนายชาคร ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เหตุเกิดเมื่อเวลา 20.00 น. ของวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา บนถนนสายกำแพงแสน-พนมทวน ม.15 ต.พระแท่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี

ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (5 ก.ค.) พล.ต.ท.หาญพล นิตวิบูลย์ ผบช.ภ.7 เดินทางไปที่ สภ.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เพื่อร่วมแถลงข่าวการจับกุมตัว นายวิชัย หรือเติ้ล พุกเฮ็ง อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60/1 หมู่ 2 ต.วังศาลา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุดังกล่าว โดยมี พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ชินภัทร ตันศรีสกุล รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ กันยาประสิทธิ์ ผกก.สภ.ท่าเรือ พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ท.พิชัยพนธ์ ภักดีศิริเกษม รอง ผกก.สส.สภ.ท่าเรือ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการแถลงข่าวประมาณ 30 นาที จึงแล้วเสร็จ จากนั้นคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.กาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 100 นาย เฝ้าระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ต้องหา โดยมีประชาชนกว่า 100 คน เดินทางมาดูตัวผู้ต้องหาระหว่างทำแผน

การทำแผนจุดแรก เริ่มจากบริเวณประตูทางเข้าบ้านเลขที่ 84 หมู่ 15 ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาขับรถจักรยานยนต์ไปรับแฟนสาว และเกิดทะเลาะกับแฟนสาวอย่างรุนแรง เนื่องจากแฟนสาวซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวปฏิเสธที่จะไปด้วย แต่ต้องการไปกับชายคนอื่นที่มารอรับในเวลาเดียวกัน จุดที่สองที่บริเวณริมถนนสายกำแพงแสน-พนมทวน ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาใช้ก้อนปูนตัวหนอนแบบหกเหลี่ยม น้ำหนักประมาณ 1.50 กิโลกรัม ที่ผู้ต้องหาเก็บมา และวางเอาไว้ตะกร้าด้านหน้ารถจักรยานยนต์ แล้วใช้มือจับโยนลอยออกไปข้ามเกาะกลางถนน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่นายชาคร สุขวัฑฒโก ขับรถยนต์กระบะ พา น.ส.เจนจิรา หรือน้องเจน ทองไชย อายุ 18 ปี ผ่านมาพอดี โดยตัวหนอนได้ลอยผ่านหน้าคนขับทะลุเข้ากระจกหน้าด้านซ้าย ทำให้ก่อนอิฐดังกล่าวกระแทกเข้าที่บริเวณใบหน้าของ น.ส.เจนจิรา จนได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส

หลังตั้งสติได้นายชาคร คนขับจึงรีบขับรถพาผู้บาดเจ็บไปพบญาติก่อนที่จะรีบนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม การทำแผนประกอบคำรับสารภาพใช้เวลาประมาณ 20 นาทีจึงแล้วเสร็จ จากนั้นจึงคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าเรือ ดำเนินคดีในข้อหาพยามฆ่าผู้อื่น

ทั้งนี้ ขณะเจ้าหน้าที่กำลังคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนยังจุดที่สอง และหลังจากทำแผนแล้วเสร็จประกฎว่า มีชายอายุประมาณ 30 ปี ได้แฝงตัวเข้ามาในกลุ่มเจ้าหน้าที่รวมทั้งกองทัพสื่อมวลชนที่กำลังถ่ายภาพ เมื่อชายคนดังกล่าวเข้ามาถึงตัวผู้ต้องหาได้กำหมัดต่อยเข้าที่บริเวณศีรษะผู้ต้องหาอย่างแรงจนได้ยินเสียงดังตุ้บ เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นจึงได้รีบควบคุมตัวชายคนดังกล่าวไปดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายที่ สภ.ท่าเรือ ทราบชื่อต่อมาคือ นายอนุชา เซี่ยงฉิน อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 212 หมู่ 10 ต.พระแท่น อ.ท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี โดยนายอนุชา บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เป็นน้าชายของนายชาคร คนขับรถยนต์กระบะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ปรับเป็นเงินจำนวน 1,000 บาท พร้อมทำประวัติแล้วจึงปล่อยตัวไป

พล.ต.ท.หาญพล นิตวิบูลย์ ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุผ่านมาได้ 37 วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องได้เร่งสืบสวนหาตัวผู้ก่อเหตุมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ต้องคนดังกล่าวเป็นคนเดียวกันกับที่เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวมาสอบปากคำ เนื่องจากเป็นบุคคลต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุ และหลังจากคุมตัวมาสอบปากคำขณะนั้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ และจากการตรวจปัสสาวะ พบฉี่เป็นสีม่วง จึงถึงดำเนินคดีในข้อหาเสพ ถูกคุมตัวอยู่ในห้องขัง 9 วัน

ต่อมา ทางญาติได้มาประกันตัวออกไป แต่เจ้าหน้าที่ก็มาการติดตามประกบตัวอยู่ตลอด จนในที่สุดเจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานจนเป็นที่แน่ชัดว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายวิชัย หรือเติ้ล พุกเฮ็ง ที่เจ้าหน้าที่ให้ประกันตัวในข้อหาเสพยาบ้า ดังนั้นจึงทำบันทึกรายงานไปที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี เพื่ออนุมัติหมายจับ ที่ มจ.462/2556 ลงวันที่ 5 ก.ค.56 เจ้าหน้าที่จึงได้ไปจับกุมตัวผู้ต้องหา จากนั้นนำตัวมาสอบปากคำจนกระทั่งรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง



กำลังโหลดความคิดเห็น