ศูนย์ข่าวขอนแก่น - กลุ่มวังขนายบุกขอนแก่นทำโครงการ Read Me กระตุ้นการอ่าน หวังให้ประชาชนภาคอีสานมีอัตราการอ่านหนังสือเพิ่มขึ้น นำศิลปะการวาดรูป Street Art ซึ่งเป็นศิลปะสมัยใหม่มาวาดลงบนตู้คอนเทนเนอร์เพื่อใช้เป็นสื่อดึงดูดสร้างความสนใจประชาชน พร้อมแจกหนังสือ Read Me ตอนเรื่องเล็กๆ เท่าเม็ดน้ำตาล นอกจากนี้ยังเปิดรับบริจาคหนังสือเพื่อนำไปมอบให้บเยาวชนที่ขาดแคลน
วันนี้ (1 ก.ค.) น.ส.ธัญรักษ์ ณ วังขนาย ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ กลุ่มวังขนาย เปิดเผยว่า จากการที่กลุ่มวังขนายได้จัดทำโครงการ Read Me กระตุ้นการอ่าน มาตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนเพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของคนไทยให้มีสถิติการอ่านเพิ่มมากขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งอีกไม่เกิน 2 ปีหลังจากนี้ประเทศไทยก็จะเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) คนไทยจะต้องเตรียมตัว และปรับปรุงอะไรอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการอ่านออกเขียนได้คงไม่เพียงพอแล้ว การใช้ภาษาต่างประเทศจะเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งการใช้ภาษาต่างประเทศให้ดีหรือเข้าใจได้นั้นจะต้องมีพื้นฐานที่ดีมาจากการรักการอ่านหนังสือ
ดังนั้น เพื่อเตรียมรับการเข้าสู่เออีซี กลุ่มวังขนายจึงได้จัดทำโครงการ Read Me ขึ้น โดยในส่วนภูมิภาคนั้นได้จัดไปแล้วที่ จ.เชียงใหม่ และล่าสุดเมื่อวันที่ 29-30 มิถุนายน ได้จัดที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งได้รับความสนใจมากพอสมควร
ทั้งนี้ กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การนำเอา Street Art ซึ่งเป็นศิลปะการวาดรูป ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกเพศทุกวัยมาวาดลงบนตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ โดยศิลปินที่มีชื่อเสียง 5 ทีม คือ P7, Rukkit, Mamafaka, Chip 7, Never ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ประชาชนที่ได้พบเห็นหันมาสนใจการอ่านมากขึ้น
นอกจากนี้ การนำองค์ความรู้และทักษะในการผลิตน้ำตาลที่กลุ่มวังขนายได้มีความเชี่ยวชาญกว่า 38 ปีมาจัดพิมพ์เป็นหนังสือชื่อ Read Me ตอน เรื่องเล็กๆ เท่าเม็ดน้ำตาล มาแจกประชาชน และสุดท้ายคือ ขอรับบริจาคหนังสือจากประชาชนเพื่อนำไปมอบแก่เยาวชนที่ขาดแคลนในชุมชนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
ซึ่งจากการจัดทำโครงการ Read Me กระตุ้นการอ่านมาจนครบ 3 จังหวัด ทางกลุ่มวังขนายคาดหวังว่าจะมีผู้บริจาคหนังสือแก่เยาวชนไทยมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่คาดหวังไว้สูงสุดคือ ช่วยให้อัตราการอ่านของคนไทยเพิ่มมากขึ้น
“เราอาจเป็นแค่ตะเกียงดวงน้อยๆ แต่เมื่อรวมกันหลายดวงแล้วก็จะช่วยจุดประกายความคิด หรือความหวังให้กับเยาวชน หรือแม้กระทั่งประเทศไทยในอนาคตได้อย่างแน่นอน”