อุบลราชธานี - ชาวบ้านสมัชชาคนจนกว่า 50 คนเดินทางโดยรถไฟฟรีเที่ยวเข้ากรุงเทพฯ แต่เช้า ขอพบ “ยิ่งลักษณ์” เรียกร้องตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาระดับชาติ พร้อมจี้ กฟผ.เปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูล 4 เดือนตามมติ ครม.เพื่อคืนความสมดุลให้ลุ่มน้ำ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (1 ก.ค.) กลุ่มชาวบ้านสมัชชาคนจน จ.อุบลราชธานี ประมาณ 50 คน ได้ออกเดินทางด้วยขบวนรถไฟฟรีจากสถานีรถไฟจังหวัดอุบลราชธานีมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ โดยมีตำรวจรถไฟคอยดูแลตลอดทาง หลังจากเมื่อเย็นวานนี้ (30 มิ.ย.) กลุ่มสมัชชาคนจนจะมาขึ้นรถไฟเข้ากรุงเทพฯ ไปยื่นข้อเรียกร้องต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาระดับชาติ ตามที่ตกลงไว้กับนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นตัวแทนรัฐบาลในการเจรจาเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา
รวมทั้งเรียกร้องให้มีการเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลเป็นเวลา 4 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึงวันที่ 1 ตุลาคมทุกปี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2545 เพื่อปรับความสมดุลทางธรรมชาติ และให้พ่อพันธุ์แม่พันธุ์สัตว์น้ำจากแม่น้ำโขงขึ้นมาวางไข่ในแม่น้ำมูล แต่ปีนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยังไม่เปิดประตูระบายน้ำ ทั้งที่เวลาล่วงเลยมา 1 เดือนแล้วทำให้มีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
โดยเมื่อหัวค่ำวานนี้ หลังการรถไฟแห่งประเทศไทยตัดตู้โดยสารที่กลุ่มสมัชชาคนจนขึ้นไปนั่งเนื่องจากไม่ยอมซื้อตั๋วโดยสาร ขณะที่กลุ่มสมัชชาคนจนอ้างว่าได้ทำหนังสือขอเดินทางไปกับขบวนรถไฟฟรีไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ได้รับการชี้แจงว่าขบวนรถไฟฟรีมีเพียงเที่ยวเช้าเที่ยวเดียว ทำให้ตลอดทั้งคืนต้องอาศัยหลับนอนอยู่บนตู้โดยสารที่ถูกทิ้งไว้ด้านหลังสถานีรถไฟจังหวัดอุบลราชธานี
น.ส.สมภาร คืนดี แกนนำ ระบุว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาชาวบ้านต้องนอนพักตามยถากรรมบนตู้รถไฟ และได้อาบน้ำตอนเที่ยงคืน โดยขอใช้น้ำจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสถานีรถไฟ ส่วนข้าวทางสถานีรถไฟนำมาให้เพราะไม่ต้องการให้ชาวบ้านหุงหากินกันเอง เนื่องจากจุดที่ตู้โดยสารถูกลากไปทิ้งไว้ตั้งอยู่ใกล้กับคลังน้ำมัน เกรงจะเกิดเพลิงไหม้
และช่วงกลางดึกพนักงานขับรถได้ติดเครื่องหัวรถจักรทำให้เสียงดังนอนไม่หลับ เมื่อไปสอบถามพนักงานขับรถก็ระบุว่าต้องติดเครื่องยนต์เป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว
กระทั่งช่วงเช้าวันนี้มีชาวบ้านจากชุมชนแออัด ชุมชนมั่นคง และกลุ่มต่อต้านโรงไฟฟ้าชีวมวล อ.วารินชำราบ และ อ.สว่างวีระวงศ์ นำอาหาร น้ำดื่ม ผลไม้มามอบให้เป็นกำลังใจ
